รีวิว Kawasaki Z400 2019
Kawasaki Z400 2019 นับได้ว่าเป็นการ Re-model ครั้งใหญ่ที่หลายๆคน จับตามองและลุ้นให้ Z300 ที่มีการปรับเปลี่ยน ตามฝาแฝด Ninja 300 ที่ ณ ตอนนี้ ก็เปลี่ยนโมเดลไปก่อนแล้วเป็นเวลาประมาณ 1 ปี คือการ All-new โมเดลเป็น Ninja 400 แต่ทว่าตอนนี้ก็ถึงเวลาประจวบเหมาะแล้ว ที่จะถึงคิวของ Z300 ที่จะได้รับการออกแบบ All-New model ใหม่เป็น “Z400” ตามฝาแฝด Ninja400 เสียที
ดีไซน์ปราดเปรียว เนื่องจากทั้งเครื่องยนต์และเฟรมเป็นของใหม่ วิศวกรจึงสามารถเลือกจุดในการวางตำแหน่งเครื่องยนต์ให้มีความเหมาะสมมากที่สุดได้ เครื่องยนต์บล็อกใหม่นี้มีขนาดเท่ากับเครื่องของ Z250 รุ่นปี 2013- 2018 – เครื่องยนต์ใหม่ มีขนาดเกือบเท่ากับเครื่องยนต์ของ Z250 รุ่นปี 2019 รวมถึงปรับปรุงโครงสร้างใหม่เพื่อให้เครื่องยนต์มีความกระชับ ขนาดเล็กและมีระบบระบายความร้อนที่มีการเดินท่อด้านนอกน้อยที่สุด ตลอดจนมีการลดน้ำหนักในหลายส่วนลงเพื่อให้ตัวเครื่องเบาที่สุด ถึงแม้ว่าปริมาตรกระบอกสูบจะเพิ่มขึ้นก็ตาม (ในกรณีของ การออกแบบใหม่ดังกล่าวยังช่วยให้สามารถตัดส่วนที่ไม่จำเป็นออกไปได้)
รูปลักษณ์ใหม่แบบเฉียบคม ดุดัน ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากสไตล์ Sugomi ของรถรุ่นเรือธงในตระกูล Z จึงออกมาเป็นดีไซน์ใหม่ทั้งคันแบบ All-new ที่ผสมผสานไว้ด้วยกลิ่นอายของ Z650 และ Z300/250 สื่อให้เห็นถึงความคล่องแคล่ว ดุดันและแข็งแรงทรงพลัง ไม่ว่าจะขี่ลัดเลาะผ่านป่าคอนกรีตอย่างช่ำชองหรือจอดอยู่หัวมุมของถนน รถซูเปอร์เนกเก็ตน้ำหนักเบา ทรงพลังย่อมสามารถสะกดทุกสายตาของผู้ที่พบเห็นได้อย่างแน่นอน
เครื่องยนต์อัพเกรดขึ้น
ปริมาตรกระบอกสูบ 399 ลบ.ซม เครื่องยนต์ใหม่ส่งผ่านสมรรถนะที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับโมเดลเก่า: 33.4 กิโลวัตต์ สำหรับ Z400 ใหม่ (มากกว่า Z300 รุ่นปี 2018 ถึง +4.4 กิโลวัตต์ มาจากฝาแฝด Ninja 400 ที่พัฒนาต่อยอดกันมาให้เครื่องยนต์ มีความสนุกในการขี่มากขึ้น รวมถึงสุ้มเสียงที่เร้าใจ แรงบิดที่ดีขึ้นตั้งแต่รอบต่ำ และแรงบิดที่มีเยอะขึ้นส่งผลให้รถ ผลิตแรงม้าได้สูงขึ้น จากเดิมเป็น 45 แรงม้า ซึ่งไม่มากไม่น้อยเกินไป เพื่อให้เหมาะกับผู้ขับขี่มือใหม่ และ มือเก๋าที่อยากซิ่งก็สามารถทำได้ดี โดยลืมไปเลยว่านี่คือรถขนาด 400 CC. ที่สามารถทำได้ดีเกินคาด สมรรถนะที่สูงขึ้นโดยรวมแล้วมาจากท่อดักอากาศแบบดูดลงด้านล่าง(ดาวน์ดราฟต์) สมรรถนะที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวยังเสริมให้ตัวรถมีคาแรคเตอร์การส่งกำลังที่เป็นมิตรมากยิ่งขึ้น การตอบสนองที่นิ่มนวลไร้การสะดุดและแรงบิดที่เพิ่มขึ้นมากในรอบต่ำทำให้เมื่อรวมเข้ากับหม้อกรองที่มีขนาดใหญ่ขึ้น จึงเพิ่มประสิทธิภาพในการนำอากาศเข้าสู่เครื่องยนต์ การควบคุมหรือการใช้คันเร่งสามารถทำได้ง่ายทั้งกับผู้เริ่มต้นและผู้ขับขี่ที่มีประสบการณ์
ระบบ Assist& Slipper Clutch
ช่วยให้การบีบคลัตช์เบาแรงขึ้น ซึ่งช่วยลดอาการเมื่อยล้าจากการกำคลัตช์เป็นเวลานานในการจราจรที่ติดขัด และยังช่วยไม่ให้ล้อหลังเกิดอาการล็อค เมื่อทำการเปลี่ยนเกียร์ลงอย่างรวดเร็ว เพื่อให้คุณขับขี่ได้อย่างเต็มความสามารถ
Trellis Frame ที่ออกแบบมาเพื่อลดน้ำหนัก
เปลี่ยนมาใช้เฟรมรถแบบโครงถัก High Tensile Trellis Frame เอกสิทธิ์เฉพาะ Kawasaki เป็นการลดน้ำหนักส่วนเกิน ให้ตัวรถมีความเพรียวเบาและแข็งแรงง่ายต่อการควบคุม ง่ายต่อการพลิกรถเข้าโค้ง และใช้งานในชีวิตประจำวันในเมืองได้เป็นอย่างดี และเฟรมถักที่มีรูปทรงการออกแบบคล้ายคลึงกับ Ninja H2 คาวาซากินำระบบวิเคราะห์ความแข็งแรงและคงตัวเชิงพลวัตขั้นสูงมากใช้เพื่อให้ตัวเฟรมมีสัดส่วนความคงตัวสูง ทนต่อแรงบิดและน้ำหนักเบามากที่สุด เครื่องยนต์ถูกยึดไว้ภายในเฟรมอย่างมั่นคงและถูกใช้เป็นส่วนหนึ่งของเฟรม (Stressed member) ในการรองรับแรงบิดและแรงกระทำต่างๆ เฟรมที่ได้รับการออกแบบใหม่นี้มีส่วนสำคัญมากต่อน้ำหนักที่เบาลงของตัวรถ
ระบบเบรก
ขนาด 310 มม. ขนาดเดียวกับที่ใช้ใน Z1000 แบบ Semi-floating กึ่งให้ตัวทำให้กำลังแรงเบรกที่เต็มสมรรถนะ ผ้าเบรกจับหน้าสัมผัสได้เต็มที่ แม่ปั๊มเบรกบนใหม่ช่วยให้ควบคุมเบรกได้ดีขึ้น เบรกทำงานไวกว่าเดิม ขณะที่สายเบรกซึ่งมีการคำนวณขนาดและเลือกใช้วัสดุมาเป็นอย่างดีช่วยลดการสูญเสียแรงดันเบรกให้สัมผัสเบรกมั่นคงต่อเนื่องทั้งยังมาพร้อมระบบเบรก ABS รุ่นล่าสุดจาก Nissin ซึ่งมีขนาดเล็กและน้ำหนักเบา
ระบบไฟ LED เร้าใจ คล้ายไฟของ รุ่นพี่ ZX-10R
ไฟหน้าที่หันมาใช้ระบบ LED พร้อมไฟเดย์ไลท์ ในโคมเช่นกัน คล้าย Ninja 400 และZX-10R ที่ได้รับการออกแบบให้คล้ายกับไฟท้ายของ ZX-10R เพื่อให้ไฟ LED ส่องสว่างยามค่ำคืน ให้วิสัยทัศน์การมองเห็นชัดเจน และเด่นชัดที่สุดในยามค่ำคืน
เรือนไมล์ ยกมาจากรุ่นพี่ ตามสไตล์ Kawasaki Z series
เรือนไมล์ MFD (Multi-Function Display) พร้อมจอสีแบบ backlight LCD ที่มองเห็นและ แสดงผลข้อมูลอย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น OdoMeters, TripA/B อัตราบริโภคน้ำมันเฉลี่ย หรือแบบ Real-Time และ ระยะ Range ยังมีไฟบอกเกียร์ที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับรถในยุคปัจจุบัน
Ergomnomic ของ คาวาซากิ Z400
ท่านั่งออกแบบมาให้มีกลิ่นไอความเป็นสปอร์ตอยู่ในตัว มีมิติรถที่เพรียวบางทำให้มีความคล่องตัวในการใช้งานในเมือง และยังมีเบาะที่ต่ำทำให้คนที่ตัวเล็กไม่ต้องกังวลเรื่องความสูงเลยว่าจะขี่ได้ไหม แถมถังน้ำมันที่ออกแบบมาให้สามารถทำการใช้ขาแนบกับตัวถังได้พอดียามที่ต้องลงแทร็กเดย์