[vc_row][vc_column][vc_column_text]
ประกันภัยมอเตอร์ไซค์ ต่างกันยังไง
[/vc_column_text][vc_single_image image=”13893″ img_size=”full”][vc_column_text]ประกันรถมอเตอร์ไซค์ที่แถมมากับรถไม่ว่าจะเป็นประกันรถหาย หรือประกันภัยชั้น 1 ส่วนมากจะแถมมาให้ 1 ปี หลังจากนั้นเราจะต้องทำการติดต่อเพื่อซื้อประกันเอง แล้วถ้าถามว่าประกันมันสำคัญขนาดไหนเราจำเป็นต้องซื้อประกันด้วยหรือ เพราะประกันจ่ายครั้งนึงก็แพง แถมปีๆ นึงเราเองก็ไม่ได้ใช้แล้วมันจะคุ้มหรือ ถ้าคิดแบบนั้นก็จะต้องบอกว่าไม่คุ้มครับ แต่ถ้าเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาเราเป็นฝ่ายถูกก็โชคดีไป ถ้าเราเป็นฝ่ายผิด แทนที่เราจะต้องจ่ายให้คู่กรณีประกันจะเข้ามามีบทบาทจ่ายค้าสียหายให้เราแทนครับ
การที่เรามีประกันเอาไว้ แน่นอนว่าจะอุ่นใจกว่ารถที่ไม่มีประกันครับ ซึ่งปัจจุบันประกันก็มีให้เลือกหลายแบบตั้งแต่ ประกันชั้น 1 ประกันชั้น2 ประกันชั้น2+ ประกันชั้น3 และประกันชั้น3+ แต่ละประเภทจะมีราคาที่แตกต่างกันออกไปครับ[/vc_column_text][vc_column_text]
ประกันชั้น1
หลายๆ คนจะได้รับประกันชั้น 1 ตอนที่รับรถมาใหม่ๆ ใช่ไหมละครับ ทีนี้เรามาดูกันว่าประกันตัวนี้คุ้มครองอะไรบ้าง
- ซ่อมคู่กรณี และค่ารักษาพยาบาลคู่กรณี ข้อนี้คือในกรณีที่เราไปชนคู่กรณี (ทำให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สิน)ถ้าไม่มีประกันเราจะต้องจ่ายให้กับคู่กรณีเต็มๆ แน่นอนครับ รวมไปถึงถ้าเกิดมีการบาดเจ็บเราก็ต้องจ่ายค่ารักษาให้กับคู่กรณีอีก แต่ถ้ามีประกันชั้น 1 เราแทบไม่ต้องเสียอะไรเลย
- ซ่อมรถของเรา มีค่ารักษาพยาบาลตัวเราและผู้โดยสาร ข้อนี้ไม่ว่าเราจะถูกหรือผิดประกันจะจ่ายค่าคุ้มครองในการซ่อมรถของเราเองให้ และถ้ามีการบาดเจ็บทางประกันก็จะจ่ายค่ารักษาให้กับเราอีกต่างหาก
เรียกกันง่ายๆ ก็คือประกันชั้น 1 จะคุ้มครองทุกกรณี โหวว…แบบนี้ก็ดีสิครับ แต่..ประกันนี้เหมาะสำหรับรถที่เพิ่งออกมาใหม่หรือรถที่ไม่เกิน 7 ปี ถึงแม้ว่าประกันจะให้ความคุ้มครองทุกกรณีก็จริงเพื่อป้องกันการฉวยโอกาสของผู้ครอบครองประกันถ้าตั้งใจทำให้เกิดอุบัติเหตุ แล้วทางบริษัทประกันสืบได้บริษัทมีสิทธิ์ที่จะไม่ให้ความคุ้มครองได้เช่นกันครับ ราคาของประกันประเภทนี้จะอยู่ที่ 1x,xxx บาท ขึ้นไป[/vc_column_text][vc_column_text]
ประกันชั้น2+
ต่อมาประกันชั้น2+ แตกต่างจากชั้น1 อย่างไร เราต้องเรียนกันก่อนว่า2+ จะคุ้มครองแค่บางกรณีเท่านั้น ไม่เหมือนชั้น1 ที่คุ้มครองทุกกรณี แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีข้อดีนะครับ ส่วนข้อดีมีอะไรบ้างมาดูกัน
- ซ่อมรถคู่กรณี (หรือทรัพย์สิน) รวมถึงค่ารักษาพยาบาลคู่กรณี
- ซ่อมรถตัวเอง แต่ในกรณีที่ชนเท่านั้น จะไม่รับประกันในกรณีอุบัติเหตุไม่มีคู่กรณีแต่ยังคงคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลให้กับผู้โดยสาร
- เบี้ยอื่นๆ อาจจะต้องสอบถามเพิ่มเติมที่ตัวแทน
ถ้าให้พูดกันง่ายๆ ก็คือเบี้ยประกัน2+ จะเน้นคุ้มครองเราในกรณีชนเท่านั้น เบี้ยประกัน2+จะถูกกว่า ประกันชั้น1 อยู่มากพอสมควร ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่อยากมีประกันดีๆ แต่จ่ายเบี้ยประกันชั้น1 ไม่ไหว แต่…จะไม่คุ้มครองในกรณี ชนต้นไม้ ชนเสาไฟฟ้า[/vc_column_text][vc_column_text]
ประกันชั้น2
ประกันชั้น2 ต้องบอกว่าไม่ค่อยคุ้มเท่าไหร่ หลายๆ คนไม่นิยมต่อประกันชั้น2 ราคาแพงและการคุ้มครองไม่ค่อยคุ้มค่า คนส่วนใหญ่จึงเลือกไปทำประกันชั้น2+ กันมากขึ้น เราลองมาดูการคุ้มครองของประกันตัวนี้ดีกว่าครับ
- คุ้มครองเขาไม่คุ้มครองเรา พูดกันภาษาบ้านๆ ก็คือคุ้มครองคู่กรณีถ้าหากเราเป็นคนไปชนคู่กรณี แต่รถของเราต้องออกเงินซ่อมเอง
ส่วนมากแล้วคนที่มาต่อประกันทางเราจะแนะนำเป็น 2+ มากกว่าด้วยเครื่องของเบี้ยประกันและการคุ้มครองที่คุ้มค่ามากกว่า[/vc_column_text][vc_column_text]
ประกันชั้น3+
เป็นอีกหนึ่งตัวที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กับ 2+ เลยครับด้วยเรื่องขอเบี้ยประกันที่ถูกลงแถมความคุ้มครองที่ได้รับก็ค่อนข้างคุ้มค่า แต่ประกันจะเน้นคุ้มครองคู่กรณี ข้อดีของการต่อ 3+ คือ เราไม่ต้องเสียค่าส่วนแรกหรือ Deductible เราลองมาดูการคุ้มครองของประกัน 3+ กันดีกว่าครับว่าคุ้มครองอะไรบ้าง
- คุ้มครองคู่กรณีและผู้ถือประกัน แปลง่ายๆ เราไปชนคู่กรณีแล้วเราเป็นฝ่ายผิด ประกันจะซ่อมคู่กรณีให้และซ่อมรถเราด้วย แต่การซ่อมรถเราอาจจะได้เบี้ยค่าซ่อมน้อยเพราะเป็นประกันเน้นซ่อมคู่กรณีครับ
- คุ้มครองคน หมายถึงคุ้มครองผู้โดยสารและผู้ขับขี่นั้นคือเราด้วย ซึ่งบางที่จะมีเงินทดแทนระหว่างนอนพักอยู่โรงพยาบาลให้ด้วย
อ่านมาถึงตรงนี้แล้วผู้อ่านท่านใดที่กำลังจะหมดประกัน แนะนำให้ลองติดต่อกับตัวแทนประกันเพื่อสอบถามข้อมูลดูก่อน เพราะการที่เรามีประกันเอาไว้น่าจะอุ่นใจกว่าไม่มีอะไรเลย ถึงแม้จะเป็นแค่ชั้น 2+ หรือ 3+ ยังดีครับ หรือถ้าคิดว่าติดต่อเองยุ่งยากสามารถสมัครประกันผ่าน Kawasaki Real MotoSports ได้เลยครับติดต่อมาที่ 064-985-9399 ได้ตั้งแต่เวลา 09.00-18.00 น.[/vc_column_text][vc_column_text]