[EP1] รีวิว kawasaki W800 Street ฉบับมั่นใจว่าละเอียดที่สุดในโลก

[vc_row][vc_column][vc_column_text]

รีวิว kawasaki W800 Street ABS 2019

The World’s First Full Review 2019 Kawasaki W800 Street ABS

[/vc_column_text][vc_column_text]Kawasaki W800 Cafe' และ Street

[/vc_column_text][vc_column_text]เท้าความกันนิดนึง สำหรับผู้อ่านที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน Kawasaki W800 ทั้งแบบ special edition และ Standard ซึ่งเป็นรถโมเดล สูบคู่ 800cc ที่สุดจะคลาสสิครุ่นหนึ่งในวงการสองล้อจากค่ายคาวาซากิ ซึ่งถ้าไม่ใช่คนที่คุ้นเคยกับรถคลาสสิคจะไม่ค่อยมีใครรู้จักกันเท่าไหร่นักเมื่อเทียบกับรถคลาสสิคจากฝั่งอเมริกาและอังกฤษ เนื่องจาก W เป็นรุ่นที่ขายมาเนิ่นนานแต่ถูกบดบังรัศมีจากรถตระกูล Ninja กับ Z ที่เป็นตัวชูโรงของคาวาซากิ ก่อนที่ดับบลิว 800 2019 จะโชว์ตัวเป็นครั้งแรก ผู้ที่สนใจในรถคลาสสิคก็จะชินตากับรูปโฉม ดับบลิว 800 ตัวก่อนในรูปข้างล่างที่ลากมาตั้งแต่ W650 โดยมิได้มีการเปลี่ยนแปลงอะไรมากนักกว่า 20 ปี และถ้านับย้อนไปถึงต้นตระกูล W คือเจ้า W1 ในปี 1965 ก็จะนับได้ถึง 54 ปี แต่เป็นโมเดลเก่า ที่ไม่มีความเกี่ยวข้องทางเทคนิคกับรถโฉมปัจจุบัน[/vc_column_text][vc_column_text][toc][/vc_column_text][vc_row_inner][vc_column_inner width=”1/2″][vc_single_image image=”3347″ img_size=”full”][/vc_column_inner][vc_column_inner width=”1/2″][vc_single_image image=”10267″ img_size=”full”][/vc_column_inner][/vc_row_inner][vc_column_text]

ดับบลิว 800โฉมเก่า (ซ้าย) ที่พึ่งตกรุ่นไป ถือเป็นญาติใกล้ชิดกับ ดับบลิว 650 (ขวา) ที่ปัจจุบันมีอายุอานามกว่า 20 ปี แต่ยังเป็นที่นิยมในกลุ่มนักเล่นรถทั้งไทยและเทศ

[/vc_column_text][vc_column_text]ย้อนไปช่วง 2-3 ปีก่อน รถตระกูล W เกือบมีข่าวร้าย เมื่อจู่ๆ คาวาซากิประกาศเลิกผลิตในหลายตลาด เนื่องจากข้อกำหนดด้านมลพิษและความปลอดภัยของยุโรปตัวใหม่ ที่ฆ่าตัดตอนรถคลาสสิคไปหลายรุ่นหลายยี่ห้อ แต่เนื่องด้วยกระแสตอบรับในตลาดเกิดใหม่ยังดีอยู่ กับกระแสรถเรโทรที่กลับมาเป็นที่นิยมทั่วโลก คาวาซากิ จึงเล็งเห็นว่ารุ่นนี้ยังไปได้ จึงได้สยบข่าวดังกล่าว ด้วยการประกาศเปิดตัว All New w800 ของปี 2019 ซึ่ง ถ้าดูเผินๆก็คล้ายๆ รถเดิม แค่ใส่ไฟ led ดิสเบรคหลัง abs และเปลี่ยนสีสันใหม่ ซึ่งในช่วงแรกตัวผมเองก็มองอย่างสบประมาทอยู่ไม่น้อย เนื่องจากรูปโฉมที่เปลี่ยนไปมีความทันสมัยมากขึ้น ไม่คลาสสิคโดนใจสุดๆ แบบตัวก่อน  แต่หลังจากได้ลองขับขี่ความคิดจึงเปลี่ยนไป และพบว่าคาวาซากิได้แอบซุ่มพัฒนาปรับปรุงรถรุ่นใหม่แทบทุกจุด แก้ไขข้อด้อยของตัวเก่า ขับขี่ดีขึ้นกว่าเดิมแทบจะกลายเป็นรถคนละคัน เรียกว่าตั้งใจ ลงทุนลงแรงทีเดียว ไม่ใช่แค่ลูบหน้าปะจมูกเพื่อให้พอขายต่อไปแน่นอน[/vc_column_text][vc_row_inner][vc_column_inner width=”1/2″][vc_single_image image=”3346″ img_size=”full”][/vc_column_inner][vc_column_inner width=”1/2″][vc_single_image image=”3347″ img_size=”full”][/vc_column_inner][/vc_row_inner][vc_column_text]ที่มาของรีวิวนี้ผมเองเป็นผู้ใช้รถ ดับบลิว800 ของปี 2017 มาได้สองปี วิ่งมาเกือบ 20000 กิโล และเป็นแอดมินของกลุ่มเฟซบุ๊ก Kawasaki W800 Siam ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีผู้ใช้รถ W มารวมกันมากที่สุด  จึงมีความคุ้นเคยกับตัวรถ ดับบลิว800 เป็นอย่างดี และได้เคยรีวิวรถโฉมก่อนไว้เมื่อสองปีที่แล้ว เมื่อทางเรียลโมโตสปอร์ต ติดต่อมาว่า มีรถเดโมดับบลิว800 ตัวใหม่เข้ามาแล้วนะ ให้ลองนำไปทดลองขับขี่สัก 1 สัปดาห์ดีไหม สาวก W เช่นผม ก็ไม่ลังเลทันทีที่จะตอบตกลงทันที เนื่องจากคุ้นไม้คุ้นมือกับเจ้า W มานาน รีวิวตัวนี้จึงเป็นการเจาะลึกเปรียบเทียบตัวเก่าใหม่ แบบยาวเฟื้อยลงลึกสุดๆ ซึ่งจะต่างกับรีวิวอื่นๆ ที่อาจเขียนโดยคนที่ไม่เคยใช้ ดับบลิว800 นานๆ มาก่อน ก็จะไม่ลึกซึ้งว่ามันแตกต่างกันไปมากน้อยแค่ไหน ก็หวังว่าจะเป็นประโยชน์ สาระแก่ผู้ที่กำลังสนใจจับจองว่าจะเอาตัวเก่าตัวใหม่ดี[/vc_column_text][vc_column_text]

รูปลักษณ์ภายนอกที่โมเดิร์นขึ้น

ในปี 2019 วางขายอยู่ 2 รุ่นด้วยกัน คือ Street ราคา 396,000 บาท กับ Cafe ราคา 429,000 บาท แต่ในรีวิวนี้จะขอพูดถึงแค่ตัว Street ที่ได้ลองเท่านั้นครับ ซึ่งก็คือเจ้าตัวในรูปด้านล่าง ที่มากับถังน้ำมันสีดำด้าน และแฮนด์บาร์สูงและกว้างมาก ราวกับแฮนด์ครุยเซอร์[/vc_column_text][vc_single_image image=”9205″ img_size=”full” alignment=”center”][vc_column_text]ซึ่งเจ้าแฮนด์ตัวใหม่นี้เอง เป็นที่สนใจของคนใช้ W ในกลุ่มกันมาก เพราะรถ ดับบลิว800 ตัวเก่า มีแฮนด์ที่ค่อนข้างแคบและเตี้ย และต้องก้มจับนิดๆ ออกสปอร์ตหน่อยๆ ส่วนเจ้า Street กลับมีแฮนด์ที่กว้างและสูง ผิดหูผิดตาไปจากเดิม ชวนให้เจ้าของรถ W เดิมๆ อยากรู้กันว่าฟิลลิ่งการขับขี่จะต่างไปแค่ไหน[/vc_column_text][vc_column_text]ส่วนเวอร์ชั่น Café สเปคโดยทั่วไปจะเหมือนกับ Street ยกเว้น แฮนด์บาร์ต่ำพิเศษในแบบคาเฟ่เรเซอร์ โม่งหน้ากับเบาะที่เข้ากัน ชุดสีแบบ limited พร้อมกับราคาที่ขยับขึ้นไปจากตัว street อีก 30,000 บาท[/vc_column_text][vc_single_image image=”10275″ img_size=”full” alignment=”center”][vc_single_image image=”7400″ img_size=”full” alignment=”center” onclick=”custom_link” link=”https://realmotosports.com/promotions/#modal-promo-classic”][vc_column_text]

สเป็ค W800 ตัวใหม่เปลี่ยนไปมากมาย แต่ดูผิวเผินแทบดูไม่ออก

[/vc_column_text][vc_row_inner][vc_column_inner width=”1/2″][vc_column_text]สำหรับคนที่ไม่คุ้นเคยกับรถ W คงจะดูไม่ออกว่า มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง เพราะรูปลักษณ์ภายนอกดูเหมือนๆ เดิม แค่เส้นสายที่ดูโมเดิร์นขึ้นกับอุปกรณ์ความปลอดภัยเพิ่มหรือเปล่า? เลยขอสรุปถึงข้อแตกต่างที่ค่อนข้างละเอียดอ่อน ระหว่างตัวเก่ากับใหม่ โดยนอกจากไฟหน้า led และบาร์ที่กว้างขึ้นแล้ว

– W800 ตัวใหม่ มีดีไซน์ถังน้ำมันที่อวบอ้วน ถ่างออกกว้าง กระชับเข่ามากขึ้น  จุน้ำมันได้มากขึ้น 1 ลิตร
– บังโคลนหน้าหลังที่หั่นสั้นตามสมัยนิยม
– โช้คหน้าแกน 41มม (เดิม 39มม)
– มุม Rake ตะเกียบโช้คหน้า ลดลงจาก 27 องศา เหลือ 26 องศา ช่วยให้หน้ารถไว คล่องแคล่วมากขึ้น
– ล้อหน้าลดลงจาก 19 นิ้ว เป็น 18 แต่ให้วงล้อที่กว้างขึ้นจาก 2.15 เป็น 2.5  ล้อหลังเท่าเดิม

– ขนาดยางกว้างเท่าเดิมทั้งหน้าหลัง แต่เปลี่ยนจากยาง Dunlop TT100 แบบ tube type ที่ลายเป็นกึ่งวิบาก เป็น Dunlop K300F แบบ tubeless ลายถนน หนึบมั่นใจเหมาะกับทางดำมากขึ้น แต่ทั้งคู่ก็ยังต้องใช้ยางในเหมือนเดิม
– ดิสก์เบรคหน้าใหญ่ขึ้นมาเป็น 320มม พร้อม ABS (เดิม 300มม) เบรคหลังเป็นระบบดิสก์ ABS เช่นกัน (แทนที่ดรัม)
– เกียร์และอัตราเฟืองทดเท่าเดิมเป๊ะๆ แต่มี slipper clutch เพิ่มมาให้[/vc_column_text][/vc_column_inner][vc_column_inner width=”1/2″][vc_single_image image=”10277″ img_size=”full” css=”.vc_custom_1555570804306{margin-top: -20px !important;}”][/vc_column_inner][/vc_row_inner][vc_column_text css=”.vc_custom_1555918041311{margin-top: 30px !important;}”]- ท่อไอเสียปรับปรุงใหม่หมด ให้เสียงแบบท่อแต่งมาจากโรงงานเลย ไม่ต้องเสียเงินเปลี่ยนท่อ การันตีด้วยสติ้กเกอร์ 94 db ข้างสวิงอาร์ม (พาลให้คนใช้รถ w เดิม งอนกันไปตามๆกัน)
– กำลังของเครื่อง 48 แรงม้าที่ 6000 รอบ (เดิม 48 แรงม้าที่ 6500 รอบ)
– แรงบิดใหม่ 62.9 NM ที่ 4800 รอบ (เดิม 60 NM ที่ 2500 รอบ)
– การออกแบบภายในเครื่อง ที่คาวาอ้างว่าปรับปรุงใหม่หมดจดถึง 99% (คอนเฟิร์มว่าจริง จากการทดลองขับขี่)
– เฟรมรถเปลคู่ออกแบบวัสดุใหม่ ให้ความนิ่ง คงตัวดีขึ้น
– ความสูงเบาะเตี้ยลงเหลือ 770มม (เดิม 790)
– ขาตั้งคู่หายไป ถึงแม้จะมีหูจับอยู่ สามารถเบิกของรุ่นเก่ามาใส่ได้ แต่ก็ไม่ควร (จะกล่าวถึงประเด็นนี้ในส่วนถัดไปครับ)
– อุปกรณ์ติดรถมาตรฐานเดิมๆ หลายชิ้น โดยเฉพาะที่เป็นโลหะ เปลี่ยนเป็นพลาสติกเพื่อลดน้ำหนักและความร้อน แต่สามารถซื้อแยกได้ กลายเป็นอุปกรณ์เสริมไป
– น้ำหนักรวมของเหลวเพิ่มจาก 218 เป็น 221 kg

 

นั่นคือข้อแตกต่างทั่วๆ ไปที่สามารถหาดูเปรียบเทียบได้จากตารางเสปค ส่วนยามใดที่ได้เห็นรถตัวจริงเทียบกัน จะเห็นว่ามีชิ้นส่วนบางชิ้นเปลี่ยนไป บางอย่างที่เคยเป็นโลหะกลับกลายเป็นพลาสติกในรถตัวใหม่ (เช่น ฝาครอบเฟือง ฝาครอบหัวฉีด บังโคลน เป็นต้น) ซึ่งแม้จะมองได้ว่าเป็นความพยายามในการกดน้ำหนักของรถคันใหม่ ไม่ให้พุ่งไปมากจนมีผลกระทบต่อการขับขี่ (ขนาดนี้ก็ยังอ้วนขึ้น 3 กิโล) แต่ก็ต้องยอมรับว่ามีผลต่อความรู้สึกโดยรวมว่าตัวรถดูมีมูลค่าน้อยลง และไม่คลาสสิคเหมือนเดิม  หรืออาจถูกมองได้ว่าเป็นการพยายามลดต้นทุนด้วยส่วนนึง เพราะชิ้นส่วนโลหะที่เคยมีในรถเดิมและโดนแทนที่เหล่านั้น กลับไปปรากฏในแคตตาล็อค accessories ของคันใหม่ ให้จ่ายตังซื้อแยกซะนี่  นอกจากนี้หลายคนยังอดรู้สึกไม่ได้ว่า รถรุ่นใหม่มันดูเล็กลงด้วยไหม หรือแค่รู้สึกไปเองจากโทนสีมืด บังโคลนที่สั้นลง? ซึ่งถ้าเทียบกันจริงๆ ขนาดรถมันก็เท่าเดิม แต่ประเด็นขนาดรถที่ดูเล็กลงนี้น่าสนใจ จะกล่าวในส่วนต่อนไปใน EP2 ครับ

สำหรับ EP1 ต้องขอจบเพียงเท่านี้ก่อนมันจะยาวเดี่ยวจะเบื่ออ่านกันซะก่อนครับ (ขำ) ติดตามรีวิว EP2 ต่อได้ในอีกไม่นานนี้ครับรับรองจัดเต็มทุกส่วนทุกชิ้น แบบละเอียดแน่นอนครับ[/vc_column_text][vc_single_image image=”10469″ img_size=”full” alignment=”right” onclick=”custom_link” link=”https://realmotosports.com/ep2-review-kawasaki-w800-street/”][vc_column_text]

ฟีลลิ่งการขับขี่ที่เปลี่ยนไป

[/vc_column_text][/vc_column][/vc_row][vc_row css=”.vc_custom_1555571518920{margin-top: 30px !important;}”][vc_column][vc_column_text]

บทความโดย DimsumRacer ปอ

[/vc_column_text][vc_single_image image=”6896″ img_size=”medium” alignment=”center”][vc_column_text]

ปอ เป็นผู้ที่หลงไหลรถ 2 ล้อติดเครื่อง โดยมักหาความรู้ต่างๆจากหนังสือและสื่อต่างประเทศ เริ่มขี่มอเตอร์ไซค์ครั้งแรกด้วยรถ 150cc ก่อนยุคบิ๊กไบค์บูมในไทย ก่อนจะมาใช้รถหลากหลายสไตล์และยี่ห้อ ตั้งแต่ 125-900cc ปัจจุบันเขาหลงไหลรถมอเตอร์ไซค์แนวคลาสสิคเป็นพิเศษ ที่เรียกตัวเองว่า ติ่มซัมเรซเซอร์ เพราะความชื่นชอบรถคาเฟ่เรซเซอร์ แต่ชงเอสเปรสโซ่เองที่บ้าน และขี่พาสก๊อยไปกินติ่มซัมมากกว่า

[/vc_column_text][/vc_column][/vc_row][vc_row css=”.vc_custom_1555571164570{margin-top: 30px !important;}”][vc_column][vc_column_text]

ติดต่อสอบถามหรือพูดคุยกับเรา

inbox

LINE[/vc_column_text][vc_single_image image=”7400″ img_size=”full” alignment=”center” onclick=”custom_link” link=”https://realmotosports.com/promotions/#modal-promo-classic”][vc_row_inner][vc_column_inner width=”1/3″][vc_single_image image=”10556″ img_size=”medium” alignment=”right” onclick=”custom_link” css=”.vc_custom_1556076288678{margin-right: -10px !important;}” link=”https://realmotosports.com/auto-loan-calculator/”][/vc_column_inner][vc_column_inner width=”1/3″][vc_single_image image=”10557″ img_size=”medium” onclick=”custom_link” css=”.vc_custom_1556076307584{margin-left: -10px !important;}” link=”https://realmotosports.com/testride/”][/vc_column_inner][vc_column_inner width=”1/3″][vc_single_image image=”10558″ img_size=”medium” onclick=”custom_link” css=”.vc_custom_1556076324688{margin-left: -80px !important;}” link=”https://realmotosports.com/promotions/”][/vc_column_inner][/vc_row_inner][/vc_column][/vc_row]

Share this post :

คุยกับเราผ่านทาง SOCIAL MEDIA

Follow Us​