[vc_row][vc_column][vc_column_text]
บทพิสูจน์ KLX230 KLX230R KLX300R
[/vc_column_text][vc_column_text]คาดเดากันมาพอสมควรว่า Kawasaki จะเปิดตัวรถรุ่นไหนกันแน่ แต่มาถึงวันนี้แล้วก็ได้รู้กันแล้วว่า Kawasaki ยังคงเดินหน้าลุยป่ากันต่อ คราวนี้ก็เดินหน้าเปิดตัวถึง 3 รุ่นรวดเอาใจคนสายลุยป่าโดยเฉพาะ เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศ Kawasaki เลือกที่จะเปิดตัวที่ อ.ปลวกแดง จ.ระยอง ซึ่งเป็นสนามเดียวกับที่จะมีการแข่งขันเอ็นดูโร่ 3 ชั่วโมงในสนามที่ 3 กันด้วย แต่ว่าจะมีการเปิดตัวขึ้นก่อนในวันเสาร์ที่ 6 กรกฎาคม 2526 ที่ผ่านมา ในการเปิดตัวได้รับความสนใจจาก “ติ๊งโน้ต”ฐิติพงศ์ วโรกร และ “CK”ชัยวิชิต นิสกุล ได้มาร่วมทดสอบด้วย ช่วงการเปิดตัวถือว่าคึกคักทีเดียวกับการที่จะได้เห็นรถรุ่นใหม่จาก Kawasaki โดยเฉพาะรถทางฝุ่น ที่ถือว่าคาวาซากิ เป็นเจ้าของทางฝุ่น และมีรถสายฝุ่นให้เลือกอยู่หลายรุ่น เช่นเดียวกับครั้งนี้ที่ได้เปิดตัวครั้งเดียว 3 รุ่นไม่ว่าจะเป็น KLX230, KLX230R และ KLX300R[/vc_column_text][vc_row_inner][vc_column_inner width=”1/3″][vc_single_image image=”12966″ img_size=”full” alignment=”center”][/vc_column_inner][vc_column_inner width=”1/3″][vc_single_image image=”12957″ img_size=”full” alignment=”center”][/vc_column_inner][vc_column_inner width=”1/3″][vc_single_image image=”12654″ img_size=”full” alignment=”center”][/vc_column_inner][/vc_row_inner][vc_column_text css=”.vc_custom_1563856704978{margin-top: 30px !important;}”]หลังจากเปิดตัว Kawasaki ก็เปิดให้ทดสอบกันทันที งานนี้ก็ไม่พลาดที่เก็บฟิลลิ่งของรถแต่ละรุ่นมาเล่าสู่กันฟัง เพราะทั้ง 3 รุ่นก็มีฟิลลิ่งที่แตกต่างกัน ถึงแม่ในรุ่นของ 230 จะมีกระบอกสูบที่เท่ากันย แต่ว่าเมื่อได้ลองแล้วก็มีมิติในการขับขี่ที่แตกต่างกัน[/vc_column_text][vc_column_text]
ทดสอบ KLX230 ก่อน
มาลองดูใน KLX230 กันก่อน ในรถตัวนี้อันแรกคือสามารถจดทะเบียนได้ ตัวรถก็มีมาให้ครบไม่ว่าจะเป็นไฟหน้าหรือว่าไฟท้าย แต่ที่ได้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงเลยก็คือไฟหน้าที่ใช้หลอดถึง 60 วัตต์ ซึ่งเป็นสเปคเดียวกับที่ใช้ในรถยนต์ ดังนั้นตัว KLX230 ตัวนี้จึงสามารถใช้ในการเดินทางได้ทั้งในกลางวันและกลางคืน ทาง Kawasaki ยังได้สร้างอุโมงเพื่อพิสูจน์ความสว่างของตัวหลอดไฟด้วย[/vc_column_text][vc_single_image image=”12978″ img_size=”full” alignment=”center”][vc_column_text]นอกจากนั้น KLX230 ตัวนี้ยังได้ใส่เทคโนโลยีเข้าไปอย่างเช่นแผงจอไมล์จะใช้เป็นแบบจอดิจิตอล LCD จะเป็นตัวบอกข้อมูลในเรื่องมาตราวัดความเร็ว, มาตรวัดรอบ, มาตรบันทึกระยะทางสะสม, มาตรวัดระยะทาง (Dual trip), มาตรวัดระดับน้ำมันเชื้อเพลิง, นาฬิกาและสัญญาณไฟเลี้ยว ส่วนระบบเบรก ABS ที่มีการติดตั้งเข้ามาด้วยเพื่อช่วยไม่ให้ล้อล็อคนั้น ซึ่งอาจจะมองดูแปลกแต่ว่าเบรกแบบนี้จะให้ความปลอดภัยสำหรับผู้ที่ใช้งานบนท้องถนน หรือว่าแม้กระทั่งการขับขี่ในป่าที่มีพื้นลื่นๆ แล้วเมื่อต้องเบรกกะทันหัน ABS จะช่วยให้ล้อไม่ล็อคนั้นเอง[/vc_column_text][vc_single_image image=”12989″ img_size=”full” alignment=”center”][vc_column_text]สำหรับ KLX230 ตัวนี้ใช้เฟรม Perimeter ที่มีการออกแบบใหม่เน้นความเบาและการควบคุมง่ายเป็นหลัก เมื่อลองขึ้นไปนั่งแล้วก็รู้สึกว่ารถมีความบางเบา ช่วงแฮนด์มีความกว้าง เหมาะกับการขับขี่ในรูปแบบการใช้งาน ตำแหน่งพักเท้าอยู่ในตำแหน่งที่ควบคุมรถได้ง่าย และเข่าสามารถหนีบรถได้ง่าย จะสอดรับกับช่วงเว้าที่ตัวถังของรถที่มีการออกแบบให้เข่าสามารถแนบไปกับตัวรถได้พอดี[/vc_column_text][vc_single_image image=”12993″ img_size=”full” alignment=”center”][vc_column_text]ส่วนการขับขี่ในสภาพแทร็คที่คล้ายกับสนามซูเปอร์ครอสที่มีเนินและแบ้งค์รับจะเป็นตัวทำให้เห็นถึงการทำงานขอระบบต่างๆของตัวรถได้อย่างชัดเจน ในเรื่องของพละกำลังเครื่องยนต์ 233 ซีซี จ่ายน้ำมันด้วยระบบหัวฉีด และระบายความร้อนด้วยอากาศ ระบบสตาร์ทไฟฟ้าเลยช่วยให้เบาแรง ปุ่มสตาร์ททำงานง่าย ด้วยเครื่องยนต์ในสเปคนี้กลับให้การตอบสนองในเรื่องของอัตราเร่งได้อย่างสนุก[/vc_column_text][vc_single_image image=”12996″ img_size=”full” alignment=”center”][vc_column_text]ส่วนหนึ่งก็มาจากเรื่องอัตราทดของสเตอร์ที่ใส่สเตอร์หน้าเอาไว้ 14 ฟัน และสเตอร์หลัง 45 ฟัน ในอัตราทดตัวนี้จะช่วยให้รถมีกำลังในช่วงต้นที่ดีตามไปด้วย ชุดเกียร์ให้ความต่อเนื่องในแต่ละรอบเครื่องยนต์ ชุดคลัทช์ไม่แข็งซึ่งเหมาะสมกับการใช้งานทั่วไป และที่สำคัญในเรื่องของระบบเบรกเมื่อรถต้องวิ่งผ่านในบนผิวที่มีความลื่นก็ทำให้มั่นว่าถ้าต้องเบรกล้อจะไม่ล็อคอย่างแน่นอน เพราะปกติแล้วถ้ารถที่ไม่มี ABS เมื่อกดเบรกอย่างกระทันหันล้อจะล็อคและถ้าเจอพื้นลื่นๆล้อหน้าจะพับทันที ส่วนช่วงล่างในตัว KLX230 จะมีความนุ่มนวล ดังนั้นก็จะไม่เหมาะสมกับการโดดเนินหนักๆแบบนี้ ส่วนความคล่องตัวในการเข้าโค้งด้วยช่วงแฮนด์ที่กว้างทำให้ควบคุมรถไปในทิศทางที่ต้องการได้ง่าย รวมไปถึงช่วงของการขับขี่ผ่านเนินลูกระนาด ก็ทำให้รถไม่มีอาการดิ้น จึงทำให้รู้สึกว่าควบคุมได้โดยที่ไม่ต้องเกร็งมือหรือว่าช่วงแขน สำหรับสายลุยที่อยากจะเอาไว้ขี่ใช้งานในชีวิตประจำวันด้วยนั้น KLX230 น่าจะเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ไม่ควรมองข้ามทีเดียว[/vc_column_text][vc_column_text]
KLX230R
มาดูในตัว KLX230R กันสักหน่อย ต้องบอกว่ามีความแตกต่างกันเห็นได้อย่างชัดเจน และเป็นรถที่ไม่สามารถจดทะเบียนได้ แต่สามารถใช้ลงทำการแข่งขันได้เลย อย่างในการแข่งขันเอ็นดูโร่ 3 ชั่วโมงของ Kawasaki นั้นก็สามารถเอามาลงแข่งได้ ในอนาคตก็เชื่อได้ว่า Kawasaki น่าจะจัดรุ่นนี้มาให้แข่งอย่างแน่นอน ในสเปคตัวนี้แค่เรื่องของท่านั่งก็มีความแตกต่างกันแล้ว ตัว KLX230R เมื่อขึ้นไปนั่งแล้ว ช่วงแฮนด์จะแคบกว่า และช่วงล่างแทบจะไม่ยุบเลย ที่สำคัญความสูงของคันนี้จะสูงกว่า KLX230 อยู่ประมาณ 5 มิล.[/vc_column_text][vc_single_image image=”12956″ img_size=”full”][vc_column_text]ซึ่ง KLX230R จะได้อารมณ์ในเรื่องของรถแข่งอย่าง KX ตัวแฟริ่งก็มีการถอดแบบมาจาก KX ด้านหน้าจะเป็นแผ่นเพลทและมีป้ายติดทะเบียนทั้ง 2 ข้าง ส่วนการสตาร์ทเครื่องยนต์ KLX230R จะต้องกดปุ่มสีส้มเพื่อให้สัญญาณไฟสีแดงโชว์ขึ้นก่อน แล้วถึงจะมากดสตาร์ทที่ปุ่มด้านขวา ถ้าต้องการจะดับเครื่องก็สามารถกดได้ที่ปุ่มด้านซ้าย[/vc_column_text][vc_single_image image=”12993″ img_size=”full” alignment=”center”][vc_column_text]เช่นเดียวกันตัวนี้ใช้เฟรมแบบ Perimeter เหมือนกัน ช่วงล่างโช้คหน้าแบบเทเลสโคปิคขนาด 37 มิล. มีระยะยุบถึง 251 มิล. ส่วนโช้คหลังเดี่ยวแก๊สสามารถปรับ Preload ได้ กำลังเครื่องยนต์อัดแน่นมาด้วยความจุ 233 ซีซี จ่ายน้ำมันด้วยระบบหัวฉีดและระบายความร้อนด้วยอากาศ[/vc_column_text][vc_single_image image=”13004″ img_size=”full” alignment=”center”][vc_column_text]ความคล่องตัวในการควบคุมรถถือว่า KLX230R ให้ความคล่องตัวที่ดี ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมในจังหวะโค้งแคบหรือโค้งกว้าง เครื่องยนต์ที่ให้มาบวกกับสเตอร์หลังขนาด 45 ฟัน สเตอร์หน้า 14 สามารถรับกับกำลังเครื่องยนต์ได้สบาย และที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนก็เรื่องของช่วงล่างที่มีความแข็งกว่า ตัวเบาะให้ตำแหน่งนั่งคร่อมไปด้านหน้าหรือใกล้กับแฮนด์ได้มากขึ้น และที่น่าสนใจก็คือเครื่องยนต์มีการตอบสนองได้แบบน้องๆ ของรถสูตร เปิดคันเร่งเมื่อไหร่รอบเครื่องก็ส่งมาตามมือทีเดียว เกียร์และรอบเครื่องยนต์มีความต่อเนื่อง ดังนั้นไม่ว่าจะใช้รอบเครื่องยนต์ในย่านไหนก็สามารถเรียกรอบเครื่องยนต์ขึ้นมาใช้ได้ง่าย ช่วงล่างที่ให้มาได้ลองสนามแบบนี้ถือว่าตอบโจทย์ได้สบาย ในจังหวะโดดเนินเมื่อรถลงสู่พื้นตัวรถมีความนิ่ง ทำให้เดินคันเร่งต่อได้ทันทีหรือจะเป็นจังหวะที่ต้องผ่านเนินลูกระนาดช่วงล่างช่วยให้รถนิ่ง ควบคุมได้ง่าย ซึ่งช่วงล่างดี จะช่วยให้การควบคุมทำได้ง่าย[/vc_column_text][vc_single_image image=”13009″ img_size=”full” alignment=”center”][vc_column_text]นับว่าเป็นจุดเด่นของ KLX230R ที่ให้การควบคุมง่ายบวกกับกำลังเครื่องยนต์และช่วงล่างที่พร้อมลุย สำหรับใครที่มีงบไม่สูงแต่ว่าอยากได้รถที่มีอารมณ์ไม่ต่างจากรถแข่ง KLX230R น่าจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้กับสายแข่งได้ดีทีเดียว[/vc_column_text][vc_column_text]
KLX300R
มาถึงพี่ใหญ่ของรุ่นนี้กับ KLX300R ที่มีการถอดแบบมาจาก KX450 รถตระกูลวิบากของ Kawasaki ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของชุดแฟริ่งที่มีการถอดแบบออกมาเกือบทั้งคัน แม้กระทั่งบังโคลนหน้าทำให้รถดูดุดันมากขึ้น นอกจากนั้นแฮนด์ยังสามารถปรับได้ถึง 4 ระดับ ชุดมือเบรกและมือคัทช์ยังมีความสั้นที่เหมือนกับรถสูตร การสตาร์ทเครื่องยนต์จะเหมือนกับ KLX230R คือจะต้องกดปุ่มให้สัญญาณไฟแดงโชว์ขึ้นก่อนแล้วค่อยไปกดปุ่มด้านขวา และด้านซ้ายจะเป็นปุ่มดับเครื่องยนต์[/vc_column_text][vc_single_image image=”12654″ img_size=”full” alignment=”center”][vc_column_text]จุดเด่นอีกอย่างคือช่วงล่างโช้คอัพหน้าแบบหัวกลับขนาด 43 มม. และโช้คหลังเดี่ยวพร้อมซับแท้งค์ โช้คอัพทั้งหน้าและหลังสามารถปรับ Preload, Rebound และ Compresstion ได้ทั้งหน้าและหลัง พร้อมกับสวิงอาร์มด้านหลังเป็นแบบอลูมิเนียมขึ้นรูป ทำให้รถมีน้ำหนักเบา เมื่อขึ้นไปนั่งแล้วมิติรถจะใกล้เคียงกับ KLX230R ทีเดียว แต่จะมีความสูงมากกว่า[/vc_column_text][vc_row_inner][vc_column_inner width=”1/2″][vc_single_image image=”13016″ img_size=”full” alignment=”center”][/vc_column_inner][vc_column_inner width=”1/2″][vc_single_image image=”13013″ img_size=”full” alignment=”center”][/vc_column_inner][/vc_row_inner][vc_column_text]ช่วงของแฮนด์มีความแคบแต่ก็พอดีกับช่วงไหล่ อารมณ์เหมือนกับได้ขี่ KX450 กำลังเครื่องยนต์ความจุกระบอกสูบ 292 ซีซี 4 จังหวะ DOHC 4 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยน้ำ เกียร์ 6 สปีด ให้กำลังดีโดยเฉพาะรอบต้นและรอบกลาง เมื่อเปิดคันเร่งแค่เกียร์แรกก็เรียกความสนุกกันได้แล้ว แต่สนามนี้คงใช้เกียร์ได้ไม่ครบ แต่แค่ 3 เกียร์ก็เรียกเหงื่อออกมาได้ดีทีเดียว เพราะว่าเป็นสนามสั้นและมีเนินโดด และเกียร์ก็มีความต่อเนื่องในทุกรอบเครื่องยนต์ นอกจากกำลังของเครื่องยนต์แล้วในเรื่องความคล่อง KLX300R ถือว่าแถบจะถอดแบบมาจากรุ่นพี่อย่าง KX450 ทีเดียว[/vc_column_text][vc_single_image image=”13019″ img_size=”full” alignment=”center”][vc_column_text]การเปิดตัวมาทีเดียวถึง 3 รุ่นแบบนี้ก็เรียกว่าเต็มอิ่มกับการรอคอยของสายฝุ่นแบบนี้ และการได้จับถึง 3 รุ่นในวันเดียว ถือว่าคุ้มค่าทีเดียว ในส่วนนี้ก็ถือว่าได้นำข้อมูลมาบอกต่อ แต่ถ้าให้ดีก็คงจะต้องเขชข้าไปลองด้วยตัวเองเพื่อลองดูว่ารุ่นไหนที่เหมาะกับสไตล์ของตัวเองมากที่สุด แต่ในเบื่องต้นถ้าเป็นการใช้งานก็น่าจะไปอยู่ที่ KLX230 แต่ถ้าหากอยากสนุกก็ต้องไปจับตัว KLX230R หรือว่าถ้างบสูงขึ้นมาหน่อยก็ขยับไปเล่น KLX300R เป็นเพียงข้อมูลที่นำมาฝากกันส่วนที่เหลือคงต้องไปตัดสินใจกันอีกครั้งกันที่หน้าโชว์รูม Kawasaki Real MotoSports[/vc_column_text][vc_column_text]