ฟีลลิ่งการขับขี่ที่เปลี่ยนไปแบบ เฮ้ย! นี่มันใช่ W800 จริงๆหรือ???
วันนี้เราจะมา รีวิว Kawasaki W800 ในด้านฟิลลิ่งจากที่ได้ทดลองขับขี่มา 1 สัปดาห์เต็ม สลับไปมาระหว่างรถเก่ากับใหม่ ใช้งานลักษณะต่างๆ ทั้งขี่คนเดียวและมีคนซ้อน ไม่น่าเชื่อครับ มันปรับปรุงดีขึ้นมากในทุกๆ จุด พูดแบบไม่ได้อวยรถใหม่เลย เพราะมันเซอร์ไพรส์ตัวผมมาก จากที่เดิมทีผมมองผ่านๆ สบประมาทอยู่แล้ว จากหน้าตารถที่ไม่คลาสสิคเหมือนเดิม เลยไม่ได้คาดหวังว่าอะไร ไม่คิดว่าคาวาซากิจะลงทุนเปลี่ยนแปลงอะไรมาก นอกจาก abs กับปรับปรุงไอเสียให้ผ่าน euro 4 ซึ่งอย่างที่บอกใน EP1 ไปแล้ว โดยที่ราคาของ Street ราคา 396,000 บาท กับ Cafe ราคา 429,000 บาท ใน EP นี้เราจะพูดกันอีกมุมนึงครับ
ก่อนอื่นถ้าใครเคยสัมผัสรถ w800 w650 ตัวก่อนมา หรือเคยได้ยินใครพูดเล่าให้ฟัง น่าจะทราบถึงคาแรคเตอร์ของรถที่จะจืดๆ (รวมไปถึงเสียงท่อที่เงียบสงบเกิน) เช่น การเปิดคันเร่ง รถจะค่อยๆ ทะยานออกอย่างนุ่มนวล ต้องบิดคันเร่งลึกนิดนึงรถถึงจะพุ่ง ซึ่งลักษณะคันเร่งแบบนี้ก็ไม่ต่างจากคู่แข่งสูบคู่ 650 ที่เคยลอง (แต่ตัวนั้นจะอืดกว่ารู้สึกได้) นิสัยของรถตระกูล W ที่ผ่านมาคือ มีความสุภาพสูง เหมือนนิสัยชาติพันธุ์ของคนญี่ปุ่นแบบนั้นเลย คันเร่ง ระบบกันสะเทือนที่อ่อนโยนเป็นมิตร ขับขี่สบายๆ ชิลๆ จนบางคนก็มองว่าไม่เร้าใจ การเข้าโค้ง บาร์ที่สั้นและต่ำ รถจะออกอาการดื้อ ต้องใช้แรงผลัก รวมถึงขยับร่างกายช่วยบาลานซ์หน่อย ถึงจะควบคุมได้ดั่งใจ รถมันนิสัยตรงไปตรงมาเสียจริง อยากที่จะวิ่งตรงไปเรื่อย ซึ่งก็เป็นผลมาจากล้อหน้าที่ใหญ่ถึง 19 นิ้ว มุม Rake ถึง 27 องศาที่มากกว่าคู่แข่งคลาสเดียวกัน
ดับบลิว800 ตัวใหม่ ต่อไปขอเรียกแทนว่า W800MK2 สัมผัสแรกทันทีที่นั่งคร่อมรถคือ ความเบาของตัวรถที่รู้สึกได้จากจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำลง สามารถยันรถให้ตั้งตรงได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม ดันรถให้ตรงเพื่อเข็นก็ง่ายกว่าเดิม บิดกุญแจสตาร์ทเครื่อง ติดไวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จากการปรับปรุงระบบมอเตอร์สตาร์ท เสียงท่อที่กระหึ่มเป็นลูกๆ ดังขึ้น เล่นเอาคนใช้รถ W เดิมเหวอ หันมาถามนี่ท่อแต่งเหรอ? เพราะกระหึ่มไม่ต่างกับท่อแต่ง (มีสติ้กเกอร์ 94 db จากโรงงานการันตีกันเลยทีเดียว) ทันทีที่รถออกตัวบิดคันเร่ง รถจะพุ่งทันทีจนคนใช้ W เดิมๆ แปลกใจกัน พุ่งได้หน้าหงายเงิบกว่าตัวเดิม แบบผิดหูผิดตา ซึ่งวันแรกๆที่ยังไม่ชินก็จะต้องเลี้ยงคลัตช์หน่อย พอวันถัดๆ ไปนี่พุ่งปรี๊ดปร๊าดแบบรถโมเดิร์น naked ตามสมัยนิยมเลยทีเดียว
เลี้ยวเข้าโค้งแรก ก็จะออกอาการเหวอๆ (คนใช้ W เดิมๆ ที่ได้ลองมาต่างพูดเหมือนกันหมด) คือรถหักเลี้ยวได้ไวมาก ไวจนครั้งแรกที่ไม่ชิน ให้ความรู้สึกเหมือนจะพับล้มลงไปเสียอย่างนั้น พอชินแล้วพบว่าเป็นรถที่วิ่งซิกแซกได้ปราดเปรียว มีความดุดันมาก เป็นรถแนว Street Fighter ไปเลย ผิดกับ W ตัวเดิม ที่มีความอุ้ยอ้ายกว่า ทำให้แปลกใจว่า คาวาเล่นแร่แปรธาตุแบบไหน(ขำ) ทั้งที่ตัวรถและเครื่องดูไม่ต่างจากเดิม รถก็หนักกว่า แต่ทำไมฟิลลิ่งมันกลับเป็นรถคนละรุ่น หรือนี่เป็นความตั้งใจแปลงรถ W จากเดิมที่เป็นรถแนว standard อเนกประสงค์ ในเมืองก็ได้ นอกเมืองก็ดี ทางฝุ่นก็พอไหว จนกลายมาเป็น Street Fighter อย่างที่ตั้งชื่อรุ่นว่า W800 Street
อุปกรณ์ที่ให้มาติดรถ เป็นแบบ minimalism เรียบง่าย ซึ่งคนใช้รถ W800 เดิมคุ้นเคยกันดี บนเรือนไมล์มี เข็มวัดความเร็ว เข็มวัดรอบ จอดิจิตอลเล็กๆ ที่กดปุ่มสลับได้ระหว่าง นาฬิกา วัดระยะtrip และวัดระยะกิโลทั้งหมด และยังมีไฟสัญญานเลี้ยวที่แยกซ้ายขวา (อันนี้ชอบมาก) ไฟเกียร์N ไฟเตือนน้ำมันหมด ไฟเตือนแรงดันน้ำมันเครื่อง ไฟหัวฉีด ส่วนที่เพิ่มเข้ามาคือ ไฟเตือน ABS กับไฟเตือนแบตเตอรี่
ขนาดของแฮนด์บาร์เท่า ดับบลิว800 เดิมที่ 22มม (ต่างกับ W650 ที่เป็นบาร์ 25มม) ปะกับไฟซ้ายขวาก็ยังคงคุณภาพเหมือนเดิมคือทำจากอลูมิเนียมทั้งก้อน ไม่มีอะไรมากไปกว่าไฟเลี้ยวซ้ายขวา แตร สวิตช์ไฟสูงต่ำ สวิตช์สตาร์ทเครื่อง สวิตช์ตัดการทำงานเครื่อง แค่นั้น จะไม่มีไฟผ่าหมาก สวิตช์ดิฟไฟสูง มาให้ ซึ่งเหมือนกับรถรุ่นเดิม
Lorem ipsum dolor sit amet, consectetur adipiscing elit. Ut elit tellus, luctus nec ullamcorper mattis, pulvinar dapibus leo.โคมไฟหน้า LED ถอดจากรุ่น Z900RS มาใส่ แสงไฟสีขาว ให้ความสว่าง คอนทราสต์กำลังดี ไม่มากเกินจนเคืองตาผู้ใช้รถคันอื่น เวลาขับขี่บนถนน ดูรถยนต์จะเห็นได้ง่ายและเกรงใจมากขึ้น เพราะมองเห็นไฟมาไกลๆเหมือนของรถแรง กระจกข้างซ้ายขวาทรงกลมจาก Z900RS เช่นกัน ให้ภาพที่กว้าง เก็บได้ครบ ไม่มีจังหวะสั่นจนดูไม่รู้เรื่อง ถือว่าเดิมๆทำมาดีมาก แม้จะดูพลาสติกไม่คลาสสิคก็ตาม ก็ลองหากระจกแต่งมาเปลี่ยนกันดูครับ