เมื่อ EP 2 เราได้พูดถึงฟิลลิ่งในการขับขี่ไปแล้ว มา EP3 เราจะมาพูดถึง ข้อมูล Kawasaki W800 ในส่วนต่างๆ ที่มีการเปลี่ยนแปลงจากเดิมไปมากน้อยแค่ไหนครับ ถ้าใครอ่านมาถึง EP นี้อาจจะเริ่มอยากได้ ดับบลิว800 กันบ้างแล้วงั้นไม่รอช้าจะได้ไม่ขาดตอนเราไปพูดถถึงรายละเอียดกันเลย ขอบอกไว้ก่อนว่า ดับบลิว800 ที่เป็นสไตล์ cafe’ และ Street มีความเหมือนกันในส่วนของเครื่องยนต์ แต่เปลี่ยนแปลงในส่วนดีไซน์เท่านั้น
เฟรมรถ ระบบกันสะเทือนใหม่ นิ่งแน่นกว่าเดิม แบบรถสปอร์ตสมัยใหม่
โยกรถไปมาซ้ายขวาขณะที่ใช้ความเร็วต่ำ รู้สึกได้ทันทีว่าตัวรถนิ่งขึ้นมาก ไม่มีย้วยโยนให้รู้สึก คาดว่าเป็นผลของเฟรมเปลคู่ตัวใหม่ บวกกับระบบกันสะเทือนที่หนึบขึ้นชัดเจนทั้งหน้าและหลัง โดยรถคันใหม่ตั้งโช้คหลังไว้กึ่งกลางระดับ 3 จากแข็งสุด 5 ก็ยังเฟิร์มกว่ารถเดิมที่ผมตั้งไว้ที่ 4 ช่วงล่างจากรถ W เดิมๆ ที่ให้มานุ่มสบายก้นเวลารูดหลุมท่อในกรุงเทพฯ แต่ก็ตามมาด้วยข้อเสียที่อาจไม่นิ่งพอสำหรับหลายคนเมื่อใช้ความเร็วสูงหรือเวลาเข้าโค้ง กลายมาเป็นรถที่ช่วงล่างหนึบแน่น แต่ไม่กระด้าง หลุมฝาท่อต่างๆ พอให้รู้สึกได้เล็กน้อยบริเวณช่วงล่างของรถ แต่ไม่กระเทือนขึ้นมาที่แฮนด์ เป็นช่วงล่างในระดับที่หลายคนที่ชอบความเร็วจะชอบแน่ๆ ส่วนการขับขี่ในเมืองก็ต้องแลกกับความสบายที่น้อยลงบ้าง ขับขี่ต่อเนื่องเกิน 1 ชม.ขึ้นไปจะรู้สึกชาก้นเล็กน้อย ต่างกับรถเดิมที่นั่งกันได้ยาวๆ นอกจากโช้คอาจจะเป็นที่เบาะตัวใหม่ที่บางลงในตำแหน่งคนขี่ แต่ข้อดีคือ เราสามารถสลับเบาะกับ W รุ่นก่อนๆ ได้หมด ไม่ว่าจะ ดับบลิว650 ดับบลิว800 ซึ่งผู้เขียนได้ลองนำเบาะสูง 790 810มม ของรถเดิมมาใส่แทน ก็รู้สึกนุ่มสบาย นั่งได้สบายขามากขึ้นสำหรับคนที่สูงเกิน 180 cm ขึ้นไป
เครื่องยนต์นิ่งแน่น บาลานซ์ใหม่หมด
เครื่องยนต์ตามเสปคจะเหมือนเดิมเป๊ะ ทั้งปริมาตรและสัดส่วนกระบอกสูบ กำลังอัดที่ต่ำแค่ 8.4 ระบายความร้อนด้วยอากาศเหมือนเดิม แต่มีการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน รู้สึกได้ทันทีว่าเป็นเครื่องที่ทันสมัยกว่า เครื่องเดินได้นิ่งแน่นขึ้น เครื่อง w800 เดิมๆ จะมีการสั่นเล็กน้อยให้รู้สึกได้ที่มือตามแต่รอบเครื่อง เช่น เกียร์ 5 ที่ 100 kmh จะสั่นที่แฮนด์ ในขณะที่ 120 kmh แฮนด์จะนิ่งสนิท แต่ใน W800mk2 นั้น รอบเครื่องต่างๆ ไม่ว่าจะวิ่งที่ 100 หรือ 120 กลับรู้สึกนิ่งเท่าๆ กัน อาการสั่นของเครื่องเดิมๆ ที่ขึ้นมาที่แฮนด์หายไปหมด
อัตราเร่งที่มีความเป็นกราฟเส้นตรงมากขึ้น คือแรงดึงตั้งแต่ออกตัว ไปจนถึงเกือบ 5000 รอบ ก่อนจะเหี่ยวลง ต่างกับตัวเดิมที่ออกตัวเนิบๆ แล้วค่อยพุ่งตึงมือที่ 3000-4000 รอบ เมื่อเห็นถึงความแตกต่างในการออกตัว ก็ย้อนกลับมาดูสเปค ก็แปลกที่ว่า อัตราทดของเกียร์ต่างๆ ก็เท่าเดิม ไม่ต่างไปเลยแม้แต่ทศนิยมเดียว เลยสันนิษฐานว่า เป็นการปรับปรุงในส่วนของเครื่องยนต์ ระบบจ่ายน้ำมัน หัวฉีด และกล่องควบคุม แน่นอน
แม้ว่า w800mk2 จะตึงมือกว่าตั้งแต่ออกตัว การวิ่งช่วงความเร็วสูงพบว่าอัตราเร่งไม่ได้ต่างกับตัวเดิมเท่าใดนัก ทว่าในสภาพถนนในเมือง w800mk2 จะปราดเปรียวคล่องแคล่วกว่าจน W ตัวเดิมตามได้ลำบาก เนื่องจากตัวรถใหม่ออกตัวดี ยังมีความนิ่งของเฟรม ช่วงล่าง และเบรคที่ดีกว่า ทำให้เชื้อชวนให้มั่นใจใช้ความเร็วได้มากขึ้น พลิกมุดได้ไว วงเลี้ยวแคบขึ้นมาก โดยไม่ต้องกลัวว่ารถจะเสียอาการ หรือกลัวฉุกเฉินเบรคไม่อยู่ กลายเป็นรถ Street Fighter จริงๆ ด้วย
สิ่งที่หลายคนอาจสงสัยคือ แล้วเครื่องสูบคู่ 800 ระบายลมตัวใหม่ มันยังร้อนเหมือนตัวเดิมไหม? จากที่ใส่ที่วัดอุณหภูมิน้ำมันเครื่องทดลองวิ่งมาตลอด 1 สัปดาห์ ก็พบว่า ไม่แตกต่างจากตัวเดิมครับ ในการจราจรที่ติดขัด อากาศไม่ระบาย อุณหภูมิน้ำมันเครื่องพุ่งไปถึง 120 องศาได้เลย ในขณะที่เมื่อวิ่งตอนกลางคืน อากาศหมุนเวียนได้ดี อุณหภูมิก็อยู่ 90-100 เป็นเรื่องปรกติของรถรุ่นนี้
ย่านความเร็วสูงได้ทดลองไปถึง 140-150 kmh ตัวรถนิ่งแน่น ยังไม่พบอาการหวิวของล้อหน้า ที่บางคนเจอในรถ w800 ตัวเดิม แรงลมที่ประทะจากท่านั่งที่หลังตรงขึ้น ทำให้ลำบากในการประคองตัวขึ้น ต้องหมอบกันเล็กน้อย ความเร็วสูงสุดไม่ได้ทดสอบ แต่มั่นใจจากตัวเลขเสปคเครื่องที่คล้ายกันว่าไม่ต่างจากตัวเดิมที่วิ่งได้ทะลุไมล์ 180 kmh ได้สบายๆ
อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงก็จะพอกับรถเดิม คือในเมืองหนึ่งถังจะวิ่งได้ประมาณ 180 กิโล หรือประมาณ 17-18 กิโลลิตร นอกเมือง 220-250 กิโล คิดเป็นอัตราเฉลี่ยประมาณ 21-25 กิโลลิตร ซึ่งตรงกับอัตราบริโภคของ W ตัวใหม่ ที่อ้างในเว็บไซต์คาวาซากิที่ 21 กิโลลิตร
เบรกหน้าปรับปรุงจนไร้ที่ติ เบรกหลังพอกับดรัมเดิม
ไฮไลท์ของตัวใหม่ที่เด่น ถูกใจมากสำหรับผมคือ ดิสก์เบรกหน้าขนาด 320มม (ของเดิม 300มม) ได้มีโอกาสใช้งานหลายครั้งในการจราจรทั่ว กทม. เมื่อเจอรถพุ่งจากซอยตัดหน้า แม้จะเป็นจานเดี่ยว สามารถเบรกจนหยุดได้ทันใจโดยใช้แค่สองนิ้ว ระยะเบรกน้อยลงกว่ารุ่นเดิมมาก รถไม่เสียอาการหน้าทิ่ม หรือรู้สึกเบรกแล้วยังอยากไถลไปต่อแบบ w ตัวเดิม ไม่มีจังหวะให้ลุ้น ให้เสียวไส้เล่น ซึ่งนี่เป็นข้อเสียของรถ W ตัวเดิมที่ไม่ได้ให้จานใหญ่กว่านี้ และไม่มีระบบ ABS ช่วย ซึ่งผมประทับใจตรงจุดนี้มาก ทำให้มั่นใจในการใช้ความเร็วมากกว่าดับบลิวตัวเดิม ที่ฟิลลิ่งรถวินเทจมากกว่า จนต้องเผื่อระยะห่างบนถนนจากรถคันอื่นๆ เยอะหน่อย
ส่วนดิสก์เบรกหลัง ไม่ได้ช่วยเรื่องแรงเบรกที่มากกว่าดรัมเดิม ให้มาพอดีการใช้งาน ข้อดีคือมี ABS มาเสริม แต่ที่ไม่ชอบคือ ฟิลลิ่งของการกดเบรกหลังเปลี่ยนไป แข็งต้านเท้ามากขึ้น ระยะกดตื้น และไม่ได้ฟิลลิ่งจากเบรกเท่าตัวดรัมเดิม ซึ่งผมมองว่าเป็นเรื่องของการปรับตัวให้ชินกับรถใหม่ คนที่พึ่งจับรถ ดับบลิว800 2019 เป็นครั้งแรกก็จะไม่รู้สึกอะไรตรงจุดนี้
เบรกชุดใหม่ก็มีข้อตินิดนึงคือ จะได้ยินเสียงผ้าเบรกสีจานเบาๆ เป็นระยะๆ บางทีก็ข้างหน้า ข้างหลัง ก็อาจจะทำให้น่ารำคาญได้เล็กน้อย คิดว่ารถยังใหม่ 0 กิโล หลังใช้งานไปสักระยะจะดีขึ้น ในขณะที่ตัวเดิม ดิสก์เบรกหน้าเงียบดีมาก ดรัมหลังมีดังบ้างชั่วครู่ขณะที่ออกตัวรถเย็นเท่านั้น
แนะนำเพิ่มเติม
ถาม : อยากเอาชุดเบรกหลังของดับบลิว800 ตัวใหม่ที่เป็นดิสก์เบรกมาแปลงใส่ตัวเก่าได้มั้ย
ตอบ : จากที่สำรวจรถ w800mk2 อย่างถี่ถ้วน อย่าคิดทำเลยครับ ฟันธงเลยว่า… ไม่จบ ต้องเจาะสวิงอาร์มเพื่อใส่ตัวยึดดิสก์หลัง เชื่อมเฟรมทำจุดยึดน้ำมันเบรกหลัง เซนเซอร์สายไฟอีกหลายจุด เปลี่ยนฮับล้อ ก้านเบรก ชุดจานเบรก ชุดควบคุม abs อีก ecu ก็ไม่รองรับ ระบบไฟตัวใหม่ต่างจากเดิมเยอะมาก ผังไฟ service manual ก็ยังหาไม่ได้ ไปๆ มาๆ ดูจากราคาอะไหล่แล้ว มีทะลุ 60000 70000 ไปเยอะ รถช้ำและจะใช้ได้จริง หรือเบรกติดขึ้นมาอันตรายมาก ดูแล้วไม่คุ้มทำครับ ขายเปลี่ยนคันใหม่ดีกว่า
เกียร์ใหม่ นุ่มนวล แถมมี slipper clutch
ระบบเกียร์+คลัตช์ มีการปรับปรุงอย่างชัดเจน เริ่มตั้งแต่ก้านคลัตช์ที่เบามือขึ้นอีกเล็กน้อยแล้ว คันเกียร์ก็นุ่มนวลมีฟิลลิ่งน้ำหนักในการกดดีขึ้น เข้าเกียร์ต่างๆ ง่าย ไม่พบปัญหาในการเข้าเกียร์ เกียร์ค้าง หรือหาเกียร์ว่างเลย ซึ่ง w ตัวเดิมก็ถือว่าทำได้ดีมาก เป็นข้อดีของรถรุ่นเดิมอยู่แล้ว แต่อันนี้ดีเยี่ยมขึ้นไปอีก การถอนเกียร์ลงในแต่ละเกียร์ เวลาลดความเร็วหรือเบรก ผมติดเป็นนิสัยส่วนตัวที่จะ blip (rev matching) คันเร่ง ให้รอบเครื่องวิ่งขึ้นสัมพันธ์กัน พร้อมๆ กับการปล่อยคลัชสับเกียร์ลงในแต่ละเกียร์ ในรถเดิมที่ไม่มี slipper clutch ก็จะมีความรู้สึกตึงๆ เล็กน้อยซึ่งถือว่าปรกติเนื่องจากรอบเครื่องกับเกียร์ไม่สัมพันธ์กัน 100% แต่ด้วย slipper clutch ในรถตัวใหม่ ถอนเกียร์พร้อม blip จะนุ่มนวลมาก ไม่มีอาการดึงให้รู้สึกเลย มันลื่นจริงๆ ครับ ช่วยให้ขับขี่สนุกขึ้นมาก และการต่อเกียร์ที่ลื่นไหล ก็มีส่วนให้ W800mk2 รู้สึกปราดเปรียว ซิ่งได้มันส์กว่าตัวเดิมมาก
ทีเด็ดอยู่ที่แฮนด์ใหม่ ที่เจ้าของ W เดิมอยากได้กันมาก
แฮนด์ที่กว้างและสูงขึ้น นั่งหลังตรง ต้นแขนแทบจะแนบลำตัวได้ ซึ่งช่วยให้พลิกรถได้ไวเลี้ยวง่าย รถเบาขึ้น แต่ในการใช้งานในเมืองก็พบว่าสามารถสร้างความลำบากได้เหมือนกัน เวลาต้องมุดรถติดระหว่างบนถนน ดีกว่ารถศูนย์ถ่วงต่ำ เลยโยกได้ง่าย แต่ติดที่กระจกติดรถ ดันยื่นยาวออกไปกว่าปลายแฮนด์เสียอีก แถมอยู่ระดับเดียวกับกระจกรถยนต์สองข้างทาง ดังนั้นถ้าใครได้รถใหม่มา ก็ต้องหากระจกแต่งสั้นมาใส่ ถึงจะมุดรถติดใน กทม ไหว
สนุกจริงๆ ครับ แฮนด์ตัวนี้ เปลี่ยนคาแรคเตอร์รถเลย (สรุปถึงตอนนี้…. อยากได้แฮนด์ใหม่มาใส่รถเดิมมาก) การบังคับรถมันเบาขึ้นไปด้วย บวกกับอีกหลายปัจจัย ทั้งศูนย์ถ่วงที่ต่ำลง ล้อหน้าที่เล็กลง มุม rake ที่แคบขึ้น ขี่ๆ ไปก็ทำให้รู้สึกว่า นี่มันไม่ใช่ w800 ที่เคยรู้จัก…กลายเป็น รถอะไรก็ไม่รู้ การขับขี่เหมือนกำลังขี่รถเล็ก (หัวเราะดังๆ 55) เสียงเครื่อง เสียงเฟืองก็เงียบกว่าเดิม เสียงท่อเดิมๆ ก็เหมือนท่อแต่ง
หน้าตาวัยเก๋าอาจไม่ถูกใจ? แต่กลับมีดีข้างใน จนลืมไม่ลง
เรื่องหน้าตาต้องแล้วแต่คนมอง วัยรุ่นหน่อยดูจะชอบหน้าตาตัวใหม่มาก ส่วนสูงวัยขึ้นมาจะชอบตัวเก่ากันมากกว่า หลังจากที่ผมใช้รถคันใหม่มาสักระยะ ก็เกิดเป็นความรู้สึกย้อนแย้งแปลกๆ เพราะขณะที่ขี่ๆ ไป ก้มลงดูตัวถังรถ… เอิ่ม.. ความรู้สึกเหมือนกำลังมองรถคลาสสิคสูบโต 500cc ของอีกยี่ห้อไปเสียอย่างงั้น ถังทรงหยดน้ำบวมใหญ่ ดันหัวเข่าพอดี โดยไม่ต้องบีบหัวเข่าชิดถังตัวเลย อารมณ์ของแฮนด์ ก็วินเทจ scrambler มาก บางคนก็ว่าเหมือนแฮนด์ครุยเซอร์ แต่พอลงเบาะรถมายืนดู เอ๊ะ มันไม่ใช่ มองจากภายนอก มันไม่ดูเป็นแบบนั้นเลย มันออกโมเดิร์น สปอร์ตๆ ซะอย่างนั้น บุคลิกที่ย้อนแย้ง เลยทำให้คนใช้รถ W เดิมๆ ที่ได้ลองอย่างผม มึนๆ งงๆ เอาได้ ส่วนตัวแล้วถ้าฟิลลิ่งการขับขี่ได้แบบตัวใหม่ แต่หน้าตาวัสดุแบบตัวเก่า มันจะ perfect ที่สุด
เป็นยังไงกันบ้างครับสำหรับ EP3 จัดเต็มทุกส่วนจริงๆ ถ้าดูภายนอกนี้ดูไม่ออกเลยครับว่ามีการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง แต่พอได้อ่านใน EP นี้แล้วบอกเลยนี้มัน W คนละเรื่องกับของเก่าเลยครับ แต่….อันนี้อยู่ที่ความชอบของแต่ละคนด้วยนะครับ บางคนชอบแบบเก่า บางคนชอบแบบใหม่ แต่ขอบอกเลยว่า W ตัวใหม่ขี่ง่ายกว่าของเก่าค่อนข้างมากครับ สำหรับ EP4 จะมาพูดถึง บทสรุปของ ดับบลิว800 2019 กันครับ