[vc_row][vc_column][vc_column_text]
ขี่บิ๊กไบค์จะใช้น้ำมันเครื่องแบบไหนดี/น้ำมันเครื่องพร่องเกิดจากอะไร
ครั้งนี้มาว่ากันที่เรื่องของน้ำมันเครื่องกันสักหน่อย ซึ่งยังมีไม่น้อยที่นักขี่หลายคนชอบเปลี่ยนน้ำมันเครื่องตามใจช่าง ถ้าหากเข้าไปใช้บริการร้านข้างนอกถ้าเจอช่างที่ดีมีความรู้จริงก็คงจะไม่เกิดปัญหา แต่ถ้าหากเจอช่างไม่ค่อยมีความชำนาญก็จะเลือกใช้น้ำมันเครื่องที่ไม่ค่อยมีคุณภาพมากเท่าไหร่ ซึ่งอาจจะมีปัญหาตามมาภายหลังได้[/vc_column_text][vc_column_text]ดังนั้นทางที่ดีก็ควรจะศึกษาเอาไว้นิดหนึ่งเพื่อเป็นข้อมูลเอาไว้สำหรับการเลือกน้ำมันเครื่อง ตรงจุดนี้เราสามารถซื้อน้ำมันเครื่องได้ตามความต้องการและเอาไปให้ช่างเปลี่ยนได้ การดูตัวเลขที่ข้างกระป๋องก็ไม่ใช่เรื่องยาก โดยคุณสมบัติของน้ำมันเครื่องแล้วก็จะทำหน้าที่คอยลดการเสียดสีและลดความร้อนจากการทำงานภายในห้องเครื่อง ด้วยการลดภาระต่างๆภายในห้องเครื่องนั้นช่วยก็จะช่วยให้ชิ้นส่วนต่างๆ ภายในห้องเครื่องยนต์ทำงานได้ราบรื่นมากขึ้น ก็จะส่งผลไปต่ออัตราเร่งด้วย ถึงแม้เทคโนโลยีจะมีการพัฒนาทั้งลูกสูบและกระบอกสูบไปมาก เพื่อให้เครื่องยนต์สามารถตอบสนองคันเร่งได้อย่างต่อเนื่อง แต่เครื่องยนต์ก็ยังต้องการน้ำมันเครื่องเข้ามาช่วยเครื่องยนต์ในการหล่อลื่นด้วยเช่นกัน และที่สำคัญการเลือกน้ำมันเครื่องที่ดียังจะช่วยประหยัดน้ำมันได้ด้วย ลองมาดูกันแบบคร่าวๆ ให้พอเข้าใจกันในการเลือกน้ำมันกันสักหน่อย[/vc_column_text][vc_column_text][toc][/vc_column_text][vc_column_text]การเลือกน้ำมันที่ดีไม่จำเป็นที่จะต้องซื้อน้ำมันเครื่องที่มีราคาแพง แต่ควรเลือกน้ำมันเครื่องที่เหมาะกับการขับขี่และสภาพเครื่องยนต์มากกว่า จากข้อมูลที่กระป๋องน้ำมันเครื่องจะเห็นตัวเลขที่ด้านข้างอย่างชัดเจน ซึ่งน้ำมันเครื่องทุกยี่ห้อจะต้องระบุให้ชัดเจน เพื่อเป็นข้อมูลให้กับผู้บริโภคได้รับทราบ[/vc_column_text][vc_column_text]
การเลือกน้ำมันที่ดีไม่จำเป็นที่จะต้องซื้อน้ำมันเครื่องที่มีราคาแพง แต่ควรเลือกน้ำมันเครื่องที่เหมาะกับการขับขี่และสภาพเครื่องยนต์มากกว่า
[/vc_column_text][vc_column_text]
การแบ่งประเภทของน้ำมันเครื่อง
การแบ่งประเภทของน้ำมันเครื่องได้ถูกแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลักๆ คือ น้ำมันเครื่องธรรมดา จะมีระยะทางการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องอยู่ที่ประมาณ 4,000 กิโลเมตร, น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ จะมีระยะทางการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องอยู่ที่ประมาณ 6,000 กิโลเมตร และน้ำมันสังเคราะห์ จะมีระยะทางการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องประมาณ 10,000 กิโลเมตร ซึ่งบนกระป๋องน้ำมันเครื่องทุกประเภทจะต้องมีตัวเลขระบุเอาไว้ ตัวเลขที่เห็นกันบ่อยก็อย่างเช่น 0W-20, 5W-30, 10W-40 หรือ 20W-50 เป็นต้น[/vc_column_text][vc_single_image image=”15478″ img_size=”full” alignment=”center”][vc_column_text]จะเห็นได้ว่าจะมีตัวเลขทั้งข้างหน้าและข้างหลัง จะตัวอักษรที่เป็น W แค่ตรงกลาง คราวนี้ลองมาไล่กันดูทีละตัวว่า ทั้งตัวเลขและตัวอักษรนั้นมีความหมายอย่างไร ตัวเลขที่อยู่ด้านหน้าสุดจะบอกค่าความหนืดในขณะที่เครื่องเย็น อย่างเช่นค่าความหนืดอยู่ในเกรดที่ 5 เป็นต้น ตามมาด้วยตัวอักษรที่เป็น W นั้น มีความหมายย่อมาจากคำว่า Winter เป็นน้ำมันเครื่องที่เหมาะสำหรับใช้ในอุณหภูมิต่ำ จะเห็นได้ว่าตัวเลขด้านหน้าจะอยู่ติดกับตัวอักษร W ตลอด อย่างเช่น 5W เป็นต้น มาถึงตัวเลขที่อยู่ด้านหลังสุดนั้นหมายถึง ค่าความหนืดในขณะที่อุณหภูมิสูง หรือมีความร้อนสูงๆนั้นเอง อย่างเช่น 20,30, 40,50 หรือ 60 เป็นต้น[/vc_column_text][vc_column_text]
สาเหตุน้ำมันเครื่องต้องมี 2 ตัวเลข
สาเหตุที่น้ำมันเครื่องต้องมี 2 ตัวเลขนี้ก็เพื่อให้น้ำมันเครื่องทำงานได้เหมาะสมกับสภาพเครื่องยนต์ ณ เวลานั้น เมื่อสตาร์ทเครื่องยนต์ในขณะที่เครื่องเย็นตัว เครื่องยนต์ก็ต้องการการหล่อลื่นสูงเช่นเดียวกัน ในขณะที่เครื่องเย็นตัวแต่เครื่องยนต์เริ่มทำงานก็จะเริ่มเกิดการเสียดสีภายในห้องเครื่อง ดังนั้นค่าความหนืดตัวเลขก็จะช่วยทำให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างราบรื่น และเมื่อเครื่องยนต์มีความร้อนในอุณหภูมิที่เหมาะสมน้ำมันเครื่องก็จะมีความหนืดที่พอเหมาะหรือตามค่าความหนืดที่กำหนด[/vc_column_text][vc_single_image image=”15480″ img_size=”full” alignment=”center”][vc_column_text]การเลือกน้ำมันเครื่องที่มีความเหมาะสมจึงมีความจำเป็นสำหรับเครื่องยนต์ จริงๆ แล้วการเลือกเบอร์น้ำมันก็ไม่ได้มีข้อกำหนดตายตัว แต่อาจจะลองประเมินจากระยะทางเป็นตัวชี้วัดก็ได้ ถ้าเป็นรถบิ๊กไบค์ก็อาจจะเลือกใช้น้ำมันเบอร์ที่หนืดมากขึ้นในช่วง 1 แสนกิโลเมตรขึ้นไปก็ได้ รวมถึงลักษณะของการใช้งาน ถ้าเป็นคนที่ใช้รอบเครื่องยนต์สูงๆหรือขับรถเร็วก็อาจจะต้องเลือกเบอร์น้ำมันเครื่องที่มีความหนืดมากขึ้น เพื่อให้น้ำมันเครื่องไปช่วยเคลือบผิวของลูกสูบและกระบอกสูบ รวมถึงชิ้นส่วนต่างๆภายในห้องเครื่องยนต์ด้วย อย่างเช่นเคยใช้เบอร์น้ำมันเครื่อง 5W-30 ก็อาจจะเปลี่ยนมาใช้เบอร์ 5W-40 เป็นต้น ค่ามาตรฐานต่างๆนั้นถูกกำหนดโดยสมาคมวิศวกรรมยานยนต์หรือ SAE (SOCIETY OF AUTOMOTIVE ENGINEERS)[/vc_column_text][vc_column_text]
น้ำมันเครื่องพร่อง
นอกจากเรื่องของน้ำมันเครื่องแล้ว อีกหนึ่งปัญหาที่เดี๋ยวนี้เจอกันบ่อยมาก็คือเรื่องของน้ำมันเครื่องพร่อง จะสังเกตได้ว่าเดี๋ยวนี้จะมีปัญหาน้ำมันเครื่องหายกันอยู่บ่อยๆ ซึ่งปัญหานี้หลายคนอาจจะตกใจและเป็นกังวล เรื่องของน้ำมันเครื่องหาย จริงๆ แล้วเกิดขึ้นได้กับรถทุกรุ่นทุกยี่ห้อ ส่วนหนึ่งมาจากลักษณะการใช้งาน เมื่อไหร่มีการใช้เครื่องยนต์รอบสูงอย่างต่อเนื่องหรือใช้กำลังเครื่องยนต์บ่อยๆ โอกาสที่น้ำมันเครื่องจะระเหยไปกับความร้อนก็มีสูงได้เหมือนกัน[/vc_column_text][vc_single_image image=”15482″ img_size=”full” alignment=”center”][vc_column_text]
วิธีแก้น้ำมันเครื่องพร่อง
ปัญหาน้ำมันเครื่องพร่องตรงนี้อาจจะแก้ไขได้ด้วยการเลือกเบอร์น้ำมันที่มีความหนืดมากขึ้นเพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาน้ำมันเครื่องหาย ถ้าให้เกิดความมั่นใจก็ลองวัดระดับน้ำมันเครื่องในขณะที่เครื่องเย็นตัว เพื่อวัดระดับน้ำมันเครื่องว่าเหลือเท่าไหร่ จะสังเกตได้ว่าตัวการสำคัญของหลายๆอย่างที่เกิดขึ้นภายในห้องเครื่องเลยก็คือเรื่องของความร้อน ดังนั้นควรจะเลือกน้ำมันเครื่องที่เหมาะกับการใช้งาน เพื่อช่วยให้เครื่องยนต์สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ หลายคนเมื่อขี่รถบิ๊กไบค์แล้วมักจะใช้เครื่องยนต์รอบค่อนข้างสูง ก็ควรจะเลือกใช้น้ำมันที่มีคุณภาพและช่วยดูแลเครื่องยนต์ให้ได้ประสิทธิภาพมากที่สุด นี่ก็เป็นอีกหนึ่งข้อมูลดีๆที่เอามาฝากกันลองเอาไปปรับใช้กันดูครับเผื่อจะเป็นประโยชน์ได้ในอนาคต
หรือสามารถเลือกซื้อพร้อมบริการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องได้ที่ Kawasaki Real MotoSports ทั้ง 2 สาขา รามคำแหง146 และแจ้งวัฒนะ (เลี่ยงเมืองสามัคคี)
[/vc_column_text][vc_column_text]