เรามาใช้รอบเครื่องยนต์ที่เหมาะสมเพื่อให้ประหยัดน้ำมันในยุคนี้กันเถอะ
ช่วงขณะที่ผมกำลังเขียนบทความอยู่นั้น น้ำมันก็น่าจะลิตรละ 40 กว่าบาทแล้ว ถึงแม้น้ำมันจะแพงอย่างไรก็ตามแต่เราก็ยังคงต้องใช้รถหรือมอเตอร์ไซค์ในการดำเนินชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางไปทำงาน หรือ Delivery ที่ต้องขี่ส่งสินค้า ซึ่งแน่นอนว่าก็อาจจะจุกไปตามๆ กัน วันนี้ Kawasaki Real MotoSports จะมาเผยเคล็ดไม่ลับที่จะทำให้การขับขี่มอเตอร์ไซค์ของเราประหยัดมากยิ่งขึ้น
เลือกอ้่านหัวข้อที่สนใจ
เผยเคล็ดไม่ลับในการประหยัดน้ำมัน
1. กระแทกคันเร่งออกตัวทันใจ ตังหมดไวทันควัน
การออกตัวเชื่อหรือไม่ครับว่าเป็นช่วงที่น้ำมันถูกเผาผลาญมากที่สุด สาเหตุมาจาก ในช่วงออกตัวจำเป็นต้องทำความเร็วจาก 0 ขึ้นไปซึ่งรอบความเร็วในเกียร์หนึ่งจะสูงที่สุด เพื่อให้รถเคลื่อนตัวได้
ในการออกตัวผมอยากแนะนำทุกท่านว่าไม่ต้องรีบออกตัวโดยกระแทกคันเร่งครับ ให้เราลองคิดดูว่ายิ่งเราออกตัวกระแทกคันเร่งมากเท่าไหร่นั้นหมายความว่าเงินและน้ำมันที่สูญเสียจะค่อยๆ หมดไปเรื่อยๆ หรือขณะกำลังขับขี่อยู่นั้นก็ไม่ควรกระแทกคันเร่งครับ เมื่อเรากระแทกคันเร่งหัวฉีดจะต้องฉีดน้ำมันเพิ่มมากขึ้นตามการใช้งานของเรา
2. ไม่ผ่อนคันเร่งแล้วบิดคันเร่งบ่อยๆ (มือหนักก็ซดหนักเช่นกัน)
ข้อนี้ต้องบอกว่าเป็นสิ่งที่ผมเจออยู่บ่อยๆ การผ่อนคันเร่งสิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือ ความเร็วและรอบเครื่องยนต์จะค่อยๆ ลดลง นั่นหมายความว่าถ้าเราจะทำให้รถกลับมาในความเร็วเท่าเดิม เราจะต้องเปิดคันเร่งซึ่งเครื่องยนต์ต้องออกแรงมากขึ้นและการเผาผลาญน้ำมันก็จะเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วยนั่นเองครับ
สมมติเป็นการเปิดก็อกน้ำก็ได้ครับ การเปิดก็อกน้ำเหมือนการบิดคันเร่ง ยิ่งเราเปิดมากเท่าไหร่น้ำยิ่งไหลแรงมากเท่านั้น ถ้าผมเปรียบเทียบแบบนี้เพื่อนๆ พอมองเห็นภาพมากขึ้นไหมครับ
3. ใช้รอบเครื่องยนต์ให้เหมาะสม และต่อเนื่อง (ทางสายกลางดีที่สุด)
การใช้รอบเครื่องยนต์เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้น้ำมันหมดเร็วขึ้นหรือช้าลง แล้วแบบไหนละที่เรียกว่าใช้รอบเครื่องที่เหมาะสม การใช้รอบเครื่องที่เหมาะสมนั้นเราจะรู้สึกได้จากการขับเครื่องยนต์จะไม่สั่นเหมือนกำลังจะดับ หรือรู้สึกสั่นเสียงดังทำงานหนัก เหมือนเราขับให้ได้ความเร็วที่เราต้องการโดยใช้กำลังเครื่องยนต์ให้น้อยที่สุด จะไม่รู้สึกว่าความเร็วกำลังจะลดหรือเพิ่มขึ้น เป็นจุดที่พอดีระหว่างผู้ขับขี่ และรถที่ใช้งาน
ผู้เขียนเองใช้รถ Versys650 ในช่วงเกียร์ 6 รอบความเร็วที่ประมาณ 4,000 รอบนั้นรถของของผู้เขียนวิ่งด้วยความเร็วที่ราว 90 KM/H รู้สึกสบายในการขับขี่เครื่องยนต์ไม่รู้สึกถึงความสั่นสะเทือนของเครื่องยนต์ การควบคุมทั้งความเหมาะสม และต่อเนื่องนั้นคือการลดภาระของเครื่องยนต์นั่นเอง ลดภาระเครื่องยนต์ได้ก็ลดการใช้น้ำมันได้เช่นกัน
4. ตรวจเช็กกรองอากาศหรือทำความสะอาดกรองอากาศอยู่เสมอ (หายใจสะดวกก็ออกแรงน้อยกว่า)
กรองอากาศเป็นอีกหนึ่งจุดที่ส่งผลต่อรอบเครื่องยนต์ เมื่อกรองอากาศสกปรกรอบเครื่องยนต์จะทำงานหนักขึ้น ขยายความง่ายๆ ก็คือกรองอากาศตันการเผาไหม้จะไม่สมบูรณ์และทำให้เครื่องยนต์ทำงานหนักแน่นอนเป็นที่มาของการใช้พลังงานมากขึ้น
วิธีสังเกตกรองอากาศตันรอบเดินเบาจะต่ำกว่าปกติจากที่ใช้งานอยู่ประจำ ซึ่งผู้ใช้งานอาจจะสังเกตได้ง่ายเมื่อเครื่องยนต์ไม่ปกติ
5. หมั่นตรวจเช็กลมยางให้ได้ตามค่ามาตรฐาน (มหัศจรรย์พลังลม)
การเลือกใช้ลมยางที่เหมาะสมนอกจากจะช่วยลดภาระของเครื่องยนต์ยังช่วยให้โครงสร้างยางไม่เสียก่อนกำหนด ถ้าในกรณีเราปล่อยให้ลมยางอ่อน หน้ายางจะสัมผัสกับผิวถนนมากขึ้นกว่าที่ควรจะเป็นซึ่งจะทำให้เครื่องยนต์ต้องออกแรงมาขึ้น และโครงสร้างยางเสียหายได้ง่ายมากขึ้น ในทางกลับกันถ้าเรา
เติมลมยางเกินค่ามาตรฐานก็อาจจะเสี่ยงเกิดอุบัติเหตได้เช่นกันเพราะหน้ายางมีการสัมผัสกับผิวถนนได้น้อยกว่าปกติ โดยค่าลมยางในแต่ละรุ่นจะไม่เท่ากันครับ