สัญลักษณ์บน Kawasaki Ninja H2 คืออะไรและหมายถึงอะไร
เมื่อกล่าวถึงรถมอเตอร์ไซค์ Kawasaki Ninja H2 เชื่อว่าทุกท่านที่นิยมชมชอบบิ๊กไบค์ในบ้านเรา จะรู้จักกันแน่นอน ในฐานะที่เป็น รถซุปเปอร์ สปอร์ตไบค์ เครื่อง 1000 cc Super Charge ที่มีความเร็วแรงมากที่สุดคันหนึ่ง และถือได้ว่าคาวาซากิเป็นเจ้าแรกที่ออกแบบระบบ Super Charge ติดตั้งมาสำเร็จในเครื่องยนต์มอเตอร์ไซค์ โดยในประเทศไทย ราคาของเจ้า kawasaki ninja h2 จะอยู่ที่ 1,568,000 บาท
นอกจากรูปร่างของตัวรถที่ดุดัน เส้นสายโฉบเฉี่ยว สะดุดตา ยังมีสัญลักษณ์กลมๆ อยู่ชิ้นหนึ่งบนหน้ากากแฟริ่งของตัวรถที่หลายคนมองผ่าน นึกว่าเป็นสัญลักษณ์ประจำรุ่นของนินจา H2 แต่จริงๆ แล้วมีความหมายลึกซึ้งมากกว่านั้น เชื่อมโยงไปถึงต้นกำเนิดของบริษัท Kawasaki ตั้งแต่ ปี ค.ศ. 1870 เลยทีเดียว

เมื่อพูดถึงชื่อ Kawasaki คนส่วนใหญ่จะนึกถึงแบรนด์มอเตอร์ไซค์ แต่จริงๆแล้ว Kawasaki เริ่มผลิตรถมอเตอร์ไซค์ครั้งแรกในช่วงปี 1960 และมีรายได้จากการขายรถมอเตอร์ไซค์ เพียงแค่ 1 ใน 10 จากธุรกิจทั้งหมด แต่ในวงการอุตสาหกรรมจะรู้จัก Kawasaki ในฐานะผู้ผลิตครอบจักรวาล ทำตั้งแต่เรือเดินสมุทร รถไฟ เครื่องบิน เฮลิคอปเตอร์ หุ่นยนต์ เครื่องจักร งานวิศวะโยธา และอื่นๆ ภายใต้บริษัทแม่ Kawasaki Heavy Industries

หรือ KHI ซึ่งถือว่าเป็นบริษัทที่มีประวัติศาสตน์ยาวนานอันดับต้นๆ ของญี่ปุ่น แม้จะไม่ได้ใหญ่โตระดับบริษัท Zaibatsu ยักษ์ใหญ่ Top 4 ของญี่ปุ่น อย่าง Mitsubishi, Mitsui, Sumitomo, Yasuda, แต่ก็ได้รับการจัดให้เป็น Zaibatsu 1 ใน 13 บริษัท ที่มีขนาดใหญ่รองลงมา ที่มีความสำคัญและอิทธิพลต่อเศรษฐกิจของญี่ปุ่นอย่างยิ่งยวด

กลับไปพูดถึงตรากลมๆ ปริศนาบนตัวรถ นินจาเอช2 กันต่อ ย้อนกลับไปในปี 1876 ผู้ก่อตั้ง Kawasaki Shōzō ซึ่งเป็นพ่อค้าทำธุรกิจเดินเรือ มาตั้งแต่อายุ 17 ปี พออายุได้ 38 ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลญี่ปุ่น ก่อตั้งอู่ต่อเรือสไตล์ตะวันตก ขึ้นในโตเกียว ภายใต้ชื่อ Kawasaki Tsukiji Shipyard และเริ่มดำเนินการในปี 1878 เมื่อเขาอายุได้ 40 ปี ซึ่งจุดกำเนิดของ Kawasaki Heavy Industries อย่างเป็นทางการก็เริ่มนับจากปี 1878 ถึงปัจจุบันเป็นเวลา 140 ปีพอดี

เรือที่ Kawasaki Shōzō ต่อขึ้นจากอู่เรือของเขา จำเป็นต้องมีสัญลักษณ์เพื่อใช้ประดับธงบนเรือ เขาจึงคิดตราสัญลักษณ์ทรงกลมเรียบง่ายขึ้น สื่อถึงนามสกุล Kawasaki ของเขาเอง ซึ่งปัจจุบันเรียกตรานี้ว่า Kawasaki River Mark ซึ่งชื่อคาวาซากิมาจากคันจิคำว่า 川 kawa แปลว่าแม่น้ำ และ 崎 Saki แปลว่า แหลม (ในความหมายของแผ่นดินยื่นในทะเล)
ตราสัญลักษณ์นี้เอง จึงได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์ประจำบริษัทแม่ Kawasaki Heavy Industries ในที่สุด และสามารถพบสัญลักษณ์ River Mark นี้บนผลิตภัณฑ์ของบริษัทในยุคนั้น ไม่ว่าจะเป็นเครื่องบิน รถไฟ เรือ รถจักรยานยนต์ จนกระทั่งเมื่อเริ่มเข้าสู่ยุคสมัยใหม่ คาวาซากิจึงมีการรีแบรนด์โลโก้ให้ทันสมัยขึ้น ตราตัวนี้จริงค่อยๆเลือนหายไปจากประวัติศาสตร์ จนแทบไม่มีใครจำได้อีก



ในช่วงปี 1960 บริษัท Kawasaki Heavy Industries ได้ควบรวมกิจการ บริษัทผลิตมอเตอร์ไซค์ชื่อดังของญี่ปุ่นในขณะนั้นคือ Meguro กลายเป็นบริษัทลูกใหม่ชื่อ Kawasaki Motorcycle Co.,Ltd ในที่สุด รถมอเตอร์ไซค์ของคาวาซากิในช่วงยุคแรกๆ จะมีตราสัญลักษณ์รูปธงมีตรา River Mark ประดับบนปีกนก ติดอยู่บนถังน้ำมัน ซึ่งธงนี้สื่อถึงธงเดินเรือของ Shozo ผู้ก่อตั้ง และยังเป็นสัญลักษณ์ประทับบนเครื่องยนต์รุ่นต่างๆที่คาวาซากิผลิต แล้วยังเป็นโลโก้เครื่องบินของบริษัท Kawasaki Aircraft ในยุคนั้น บวกกับปีกนกเพื่อสื่อถึงสัญลักษณ์ของบริษัท Meguro นั่นเอง

ซึ่งสัญลักษณ์ธงบนปีกนกดังกล่าวก็ถูกเปลี่ยนแปลง พัฒนา จนหายไปตามกาลเวลา ในปัจจุบันรถมอเตอร์ไซค์คาวาซากิ จะใช้แค่ตัวอักษรโรมันเรียบง่าย เน้นโทนสีเขียวมะนาว ซึ่งในยุคนั้นถือเป็นบริษัทแรกที่นำโทนสีสะดุดตานี้ใช้ในรถมอเตอร์ไซค์ของตัวเอง ซึ่งก็คือรถตระกูลนินจานั่นเอง และกลายมาเป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมมากมาย สร้างชื่อเสียงให้มอเตอร์ไซค์คาวาซากิเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง จนสีเขียวมะนาวกลายเป็นสีประจำบริษัทรถมอเตอร์ไซค์ Kawasaki ในที่สุด

ตรา River Mark ที่มีอดีตอันยาวนานแต่ถูกลืมเลือนไปนี้ ปัจจุบันได้ถูกปัดฝุ่นนำกลับมาใช้ใหม่ ภายใต้เงื่อนไขพิเศษ โดย Kawasaki จะประทับตรานี้ ลงบนผลิตภัณฑ์ที่ถือว่ามีความสำคัญยิ่งยวด เป็นหลักชัยแสดงถึงความยิ่งใหญ่และก้าวหน้าของกลุ่มคาวาซากิ ที่เริ่มมาตั้งแต่ปี 1878 รถนินจา H2 ซึ่งถือว่าเป็นรถมอเตอร์ไซค์ซุเปอร์ชาร์จคันแรกของโลก และยังเป็นรถตระกูลนินจาที่คาวาซากิภาคภูมิใจ จึงเหมาะสมด้วยประการทั้งปวงที่จะมีสัญลักษณ์ River Mark ประดับไว้ที่หน้ารถ เสมือนนำพาประวัติศาสตร์ 140 ปีของคาวาซากิ พุ่งทะยานไปสู่อนาคตอีกตราบนานเท่านาน

บทความโดย DimsumRacer ปอ

ปอ เป็นผู้ที่หลงไหลรถ 2 ล้อติดเครื่อง โดยมักหาความรู้ต่างๆจากหนังสือและสื่อต่างประเทศ เริ่มขี่มอเตอร์ไซค์ครั้งแรกด้วยรถ 150cc ก่อนยุคบิ๊กไบค์บูมในไทย ก่อนจะมาใช้รถหลากหลายสไตล์และยี่ห้อ ตั้งแต่ 125-900cc ปัจจุบันเขาหลงไหลรถมอเตอร์ไซค์แนวคลาสสิคเป็นพิเศษ ที่เรียกตัวเองว่า ติ่มซัมเรซเซอร์ เพราะความชื่นชอบรถคาเฟ่เรซเซอร์ แต่ชงเอสเปรสโซ่เองที่บ้าน และขี่พาสก๊อยไปกินติ่มซัมมากกว่า