Meguro K3 การกลับมาของตำนานที่ถูกลืมเลือน

[vc_row][vc_column][vc_column_text]

Meguro K3 ตำนานที่ถูกลืม

[/vc_column_text][vc_single_image image=”18870″ img_size=”full” alignment=”center”][vc_column_text]ในงาน Motor Expo 2020 ทางคาวาซากิ ประเทศไทย ได้เปิดตัวรถใหม่หลายรุ่น แต่มีอยู่คันนึง ที่จะสะดุดตาเป็นพิเศษ แปลกกว่าเพื่อน เพราะตัวรถมาในนาม เมกุโระ ( Meguro メグロ) คงทำให้หลายคนฉงนไม่น้อยถึงที่มาที่ไปของรถคันนี้ เพราะยากนักที่จะมีคนรู้จักหากไม่ใช่แฟนพันธ์แท้วงการรถจักรยานยนต์ญี่ปุ่น เพราะชื่อ เมกุโระ ได้เลือนหายไปมากกว่า 50 ปี และคนที่ทันยุคนั้น ก็ย่อมมีอายุอานาม 70 80 ปีขึ้นไปแล้ว ในปี 2020 นี้ที่ เมกุโระ ได้กลับมาถือกำเนิดใหม่อีกครั้ง จึงถือเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมาก ในวงการรถญี่ปุ่น ทางผู้เขียนจึงได้ถือโอกาสค้นคว้า และนำเรื่องราวของ Meguro มาฝากกันครับ เพราะจุดกำเนิดของรถมอเตอร์ไซค์ Kawasaki ก็คือ Meguro นั่นเอง[/vc_column_text][vc_single_image image=”18807″ img_size=”full” alignment=”center”][vc_column_text]Meguro メグロ คือหนึ่งในบริษัทผลิตรถจักรยานยนต์ที่เก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่น เริ่มก่อตั้งขึ้นในปี 1937 ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 จะก่อตัว ซึ่งในยุคนั้น แม้บริษัทคาวาซากิจะมีตัวตนอยู่แล้ว แต่ทำธุรกิจทางด้านอื่น เช่นผลิตเครื่องบิน ยังไม่ได้ผลิตรถจักรยานยนต์ของตัวเอง ส่วนบริษัทเมกุโระนั้น เริ่มต้นจากการเข้าไปลงทุนในบริษัทมอเตอร์ไซค์ชื่อดัง Harley Davidson ที่อเมริกา จนได้รับการถ่ายทอด การออกแบบ เทคนิคการผลิตต่างๆ จนสามารถนำความรู้กลับมาเริ่มต้นอุตสาหกรรมผลิตรถจักรยานยนต์ของตัวเองที่ญี่ปุ่นได้สำเร็จเป็นรายแรกๆ โดยมีโมเดล Z97 ขนาด 500cc เป็นรถคันแรก ต่อมาแม้จะมีการหยุดพัฒนารถไประยะนึงระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 เพื่อผลิตชิ้นส่วนเครื่องบินให้กองทัพญี่ปุ่น ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ยุติลง เมกุโระก็กลับมาผลิตมอเตอร์ไซค์ใหม่เต็มตัว โดยในปี 1948 เมกุโระ มีรถเครื่องยนต์ สูบเดียว OHV ขนาด 125c 250c 350cc วางจำหน่าย[/vc_column_text][vc_column_text][toc][/vc_column_text][vc_single_image image=”18812″ img_size=”full” alignment=”center”][vc_column_text]

รถ Meguro ที่วางขายคู่กันไปกับ Kawasaki ในสมัยนั้น

[/vc_column_text][vc_column_text]

ย่างเข้าสู่ยุค 1950 เมกุโร 

ย่างเข้าสู่ยุค 1950 เมกุโระ เริ่มส่งรถไปลงแข่งสร้างชื่อเสียง ในรายการแข่งขันมอเตอร์ไซค์ชื่อดังต่างๆ ทางบริษัทได้เริ่มผลิตเครื่องยนต์สูบคู่ แบบ parallel twin ของตัวเองเป็นครั้งแรก ขนาด 651cc ในชื่อโมเดล T1 และต่อยอดพัฒนามาเป็น โมเดล K1 และ K2 ตามลำดับ[/vc_column_text][vc_single_image image=”18816″ img_size=”full” alignment=”center”][vc_column_text]

BSA A7 ที่เมกุโระได้ซื้อสิทธิในการผลิตมาอย่างถูกต้อง แถมกลับสร้างรถได้ดีกว่าต้นฉบับในทุกด้าน

[/vc_column_text][vc_column_text]ซึ่งโมเดล K นี้สร้างจากพื้นฐานรถ BSA A7 ที่ทาง Meguro ได้ซื้อสิทธิในการผลิตต่อจากบริษัท BSA ประเทศอังกฤษ และได้สร้างชื่อเสียงให้เมกุโระเป็นอย่างมาก ตบหน้าวงการรถอังกฤษเลยทีเดียว เพราะ Meguro K มีคุณภาพและให้การขับขี่ดียิ่งกว่าต้นฉบับ BSA เสียอีก แม้แต่วิศวกรชาวอังกฤษยังต้องชมว่า รถเมกุโระยอดเยี่ยมเกินจริงเลยทีเดียว ในยุคนั้น ยอดขายรถ Meguro เป็นรองเพียงแค่ Honda เท่านั้น และเครื่องยนต์สูบคู่ parallel twin ของเจ้า Meguro K นี่เอง เป็นพื้นฐานที่จะต่อยอดมาเป็นเครื่องยนต์ของ Kawasaki w800 หรือ Meguro K3 โฉมปัจจุบันในที่สุด[/vc_column_text][vc_row_inner css=”.vc_custom_1607312599324{margin-top: 30px !important;}”][vc_column_inner width=”1/2″][vc_single_image image=”18817″ img_size=”full”][/vc_column_inner][vc_column_inner width=”1/2″][vc_column_text]เข้าสู่ยุค 1960 บริษัทเมกุโระ กลายเป็นบริษัทผลิตมอเตอร์ไซค์เก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่นที่ยังเปิดดำเนินกิจการอยู่ ในขณะที่บริษัทคู่แข่งอื่นๆที่เปิดมาก่อนหรือใกล้เคียงกันต่างล้มหายตายจาก แต่ทางเมกุโระเองก็เริ่มประสบปัญหาสภาพคล่องทางการเงิน จากยอดขายรถขนาดเล็ก 50cc ไม่เข้าเป้า ผู้บริโภคมองว่ารถของเมกุโระแพงไปเทียบกับคู่แข่งอย่างฮอนด้า และปัญหาการประท้วงของแรงงานในบริษัท จนเป็นที่มาของการยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือทางการเงินของบริษัท Kawasaki ซึ่ง ณ เวลานั้น คาวาซากิ ทำอุตสาหกรรมผลิตเครื่องบินอยู่ และเห็นโอกาสในการขยายตัวเข้าสู่ตลาดรถจักรยานยนต์[/vc_column_text][/vc_column_inner][/vc_row_inner][vc_row_inner css=”.vc_custom_1607312599324{margin-top: 30px !important;}”][vc_column_inner width=”1/2″][vc_single_image image=”18820″ img_size=”full”][vc_column_text]

โลโก้รถมอเตอร์ไซค์ คาวาซากิ ในยุคแรกๆ จะมีธงสัญลักษณ์ของบริษัทแม่ด้วย บนปีกนกที่สื่อถึง เมกุโระ

[/vc_column_text][vc_single_image image=”18821″ img_size=”full” alignment=”center”][/vc_column_inner][vc_column_inner width=”1/2″][vc_column_text]ในปี 1962 บริษัท Meguro จึงได้เปลี่ยนชื่อมาเป็นบริษัทร่วมทุน Kawasaki-Meguro ก่อนที่ Kawasaki จะเทคโอเวอร์อย่างสมบูรณ์ในอีก 2 ปีถัดมา จนกลายมาเป็นบริษัท Kawasaki Motorcycle Co.,Ltd. ในที่สุด และคงเหลือแต่แบรนด์ Kawasaki เพียงอย่างเดียว[/vc_column_text][/vc_column_inner][/vc_row_inner][vc_single_image image=”18887″ img_size=”full” alignment=”center” onclick=”custom_link” img_link_target=”_blank” link=”https://realmotosports.com/promotions/”][vc_single_image image=”18824″ img_size=”full” alignment=”center”][vc_column_text]

Kawasaki W1 ปี 1965

[/vc_column_text][vc_column_text]ภายใต้ปีกของ Kawasaki นี้เอง โมเดล Meguro K ขนาด 500cc นั้นก็ได้รับการปรับปรุง พัฒนา มาเป็นรถ Kawasaki W1 ขนาด 625cc วางจำหน่ายในปี 1965  และคาวาซากิก็ได้พัฒนา ต่อยอดรถรุ่น W1 มาเป็น W2 W3 ตามลำดับ ก่อนที่จะถูกยุติการผลิต แทนที่ด้วยรถสปอร์ตตระกูล Z เป็นระยะเวลายาวนานตั้งแต่ปี 1972[/vc_column_text][vc_single_image image=”18825″ img_size=”full” alignment=”center”][vc_column_text]

คาวาซากิปัดฝุ่นโมเดล W

คาวาซากิจะกลับมาปัดฝุ่นโมเดล W อีกครั้ง ในชื่อโมเดล W650 เครื่องยนต์ขนาด 650cc ในปี 1999 และขยับมาเป็น W800 เครื่องยนต์ขนาด 800cc ในปี 2011 โดยทั้งสองรุ่นมีหน้าตาคล้ายกันมาก แทบไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่จะสังเกต W650 ได้จากคันสตาร์ทเท้า ซึ่งจะหายไปในรุ่น W800 เป็นระบบสตาร์ทอิเลคโทรนิคล้วนๆ[/vc_column_text][vc_single_image image=”18827″ img_size=”full” alignment=”center”][vc_column_text]

W800 ABS ปี 2019

[/vc_column_text][vc_column_text]

ปี 2017 โมเดล W800

ต่อมา ในปี 2017 โมเดล W800 ก็ได้รับการปรับปรุงครั้งใหญ่ กลายมาเป็นโมเดล W800 ABS เพื่อให้ผ่านมาตรฐานไอเสียและความปลอดภัย EURO4  ของยุโรป โดยมีการปรับปรุงใหม่ทุกจุด ที่แม้จะมีหน้าตาคล้ายกับ W800 ตัวเดิม แต่ทางเทคนิคแล้วถือว่า พัฒนาใหม่แทบทั้งหมด เป็นรถคนละคันไปเลย

จุดที่แตกต่างจาก W800 ตัวเดิม เช่น ดีไซน์เครื่องยนต์ภายในใหม่หมดเกิน 90%, มีระบบเบรก ABS และดิสเบรกหลังแทนที่ดรัมเบรก, เกียร์ slipper clutch, ไฟหน้า LED ทันสมัย, ท่อไอเสียแบบใหม่ที่ตั้งใจจูนเสียงให้ดุดันขึ้นตั้งแต่โรงงาน, เฟรมตัวใหม่, แฮนเดิลบาร์ทรงใหม่, และรายละเอียดปลีกย่อยอื่นๆ[/vc_column_text][vc_single_image image=”18830″ img_size=”full”][vc_column_text]

Meguro K3 กลับมาอีกครั้ง หลังจากทิ้งช่วงจากรุ่น K2 ไปถึง 55 ปี

[/vc_column_text][vc_column_text]และจากกระแสความนิยมรถเรโทรที่เพิ่มมากขึ้น จากกลุ่มไรเดอร์ ทั้งรุ่นเก่าและใหม่ที่หวนหาความงามของอดีต ในปี 2019 คาวาซากิ ได้เริ่มโปรเจคลับในการคืนชีพแบรนด์ Meguro กลับมาอีกครั้ง สื่อญี่ปุ่นได้รายงานความเคลื่อนไหวเงียบๆของบริษัทคาวาซากิ ที่ไล่จดลิขสิทธิ์เครื่องหมายการค้า Meguro ในประเทศต่างๆ จนเป็นที่มาของข่าวลือว่าคาวาซากิ กำลังชุบชีวิตแบรนด์ Meguro ขึ้นใหม่ โดยตั้งใจจะให้ เป็นทางเลือกระดับ premium[/vc_column_text][vc_single_image image=”18789″ img_size=”full” alignment=”center”][vc_column_text]

Meguro K3 ฝาแฝดของ Kawasaki W800

[/vc_column_text][vc_single_image image=”18887″ img_size=”full” alignment=”center” onclick=”custom_link” img_link_target=”_blank” link=”https://realmotosports.com/promotions/”][vc_column_text]ปลายปี 2020 คาวาซากิ ได้เปิดเซอร์ไพรส์ เผยโฉม Meguro K3 ออกมา เป็นรหัสต่อจาก Meguro K2 หรืออีกชื่อคือ Kawasaki 500 ทีวางขายในปี 1965 นับว่าเป็นการคืนชีพโมเดล K กลับมาใหม่ หลังจากที่ทิ้งช่วงไปกว่า 55 ปีเลยทีเดียว[/vc_column_text][vc_single_image image=”18831″ img_size=”full” alignment=”center”][vc_column_text]

สาเหตุที่เป็น K3 เพราะ เป็นรหัสต่อจากรถ Meguro K2 ซึ่งเป็นซีรี่ยส์ K รุ่นสุดท้ายที่ออกมาเมื่อ 55 ปีที่แล้ว

[/vc_column_text][vc_single_image image=”18795″ img_size=”full” alignment=”center”][vc_column_text]Kawasaki พิถีพิถัน ใส่ใจกับรายละเอียดในหลายๆจุดของ Meguro K3 เพื่อเอาใจแฟนๆพันธ์แท้ ทำให้ K3 มีจุดขาย ความพิเศษ พรีเมี่ยมยิ่งกว่า W800 รุ่นธรรมดา โดนจุดเด่นที่สุดคือถังน้ำมันทำสีโครเมี่ยมพิเศษ สะท้อนแสง แวววาวดั่งกระจก และมีการเคลือบสีเป็นพิเศษ ป้องกันรอยขีดข่วน  ตัวโลโก้ Meguro ทำจากอลูมิเนียม ขึ้นรูป 3 มิติ และใช้ช่างชาวญี่ปุ่นลงสีด้วยมือ ชิ้นต่อชิ้น อย่างที่หาไม่ได้ในรถรุ่นอื่นๆ ทำให้มีคุณค่าแก่การสะสมยิ่งนัก[/vc_column_text][vc_single_image image=”18871″ img_size=”full” alignment=”center”][vc_column_text]

เบาะนั่งลายเฉพาะตัวของรุ่น K3 พร้อมเดินขอบสีขาวสุดคลาสสิค กรอบข้างประดับชื่อ เมกุโระ เป็นตัวอักษรคาตาคานะ メグロ อย่างภาคภูมิใจ

[/vc_column_text][vc_single_image image=”18872″ img_size=”full” alignment=”center”][vc_column_text]โช้คท้าย แบบมีฝาครอบ เพิ่มความคลาสสิค ยิ่งกว่าตัว W800 สังเกตบนเฟรม จะมีป้ายริเวท ยี่ห้อ Kawasaki บ่งบอกคุณภาพว่ารถคันนี้ผลิตในญี่ปุ่นทั้งคัน[/vc_column_text][vc_single_image image=”18834″ img_size=”full” alignment=”center”][vc_column_text]

นำรถ Kawasaki W800 โมเดล ABS มารีแบรนด์

สำหรับแฟนสองล้อคลาสสิคแล้ว จึงนับเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นยินดี กับการกลับมาของแบรนด์สุดเก๋าอย่าง Meguro ที่ถึงแม้ โมเดล K3 จะเป็นเพียงการนำรถ Kawasaki W800 โมเดล ABS มารีแบรนด์ และมีจุดแตกต่างกันไม่มาก แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่แสดงถึงความสัมพันธ์อย่างลึกซึ้งระหว่าง Meguro และ Kawasaki ในอดีต ที่ก็เคยผลิตรถออกมาโมเดลเดียวกัน ต่างแค่ตราโลโก้ อย่างที่ Kawasaki 500 / Meguro K2 เคยเป็น ดังนั้น Kawasaki W800 / Meguro K3 จึงถือเป็นฝาแฝดกันแท้ๆ ที่มีต้นกำเนิดจากประวัติศาสตร์อันยาวนานของวงการรถมอเตอร์ไซค์ญี่ปุ่น[/vc_column_text][vc_single_image image=”18835″ img_size=”full” alignment=”center”][vc_column_text]Meguro K3 จึงเป็นอีกทางเลือกให้แฟนๆสองล้อเรโทรทั่วโลก โดยเฉพาะแฟนๆ Kawasaki W800 เดิม ได้ส้มผัสความขลังของ แบรนด์ Meguro ที่คืนชีพ กลับมาโลดเล่นบนถนนอย่างยิ่งใหญ่อีกครั้งในปี 2020 และจะกลายเป็นตำนานรถรุ่นหนึ่งที่แฟนๆสองล้อ ต้องหามาเก็บสะสมกันอย่างแน่นอน[/vc_column_text][vc_column_text]สำหรับท่านใดที่อยากอ่านบทความเรื่อง W800 ตัว ABS ที่ผมได้เคยเขียนเอาไว้สามารถเข้าไปอ่านได้ที่ รีวิว kawasaki W800 Street ABS 2019[/vc_column_text][vc_single_image image=”18887″ img_size=”full” alignment=”center” onclick=”custom_link” img_link_target=”_blank” link=”https://realmotosports.com/promotions/”][vc_video link=”https://www.youtube.com/watch?v=WI5dDD5kLAA&feature=emb_title”][vc_column_text]อ้างอิง
1. https://en.wikipedia.org/wiki/Meguro_motorcycles
2. https://en.wikipedia.org/wiki/BSA_A7
3. https://en.wikipedia.org/wiki/Kawasaki_W_series[/vc_column_text][vc_separator][vc_row_inner][vc_column_inner width=”1/2″][vc_single_image image=”6896″ img_size=”medium” alignment=”center”][/vc_column_inner][vc_column_inner width=”1/2″][vc_column_text css=”.vc_custom_1607337424588{margin-top: 30px !important;}”]

บทความโดย DimsumRacer ปอ

ปอ เป็นผู้ที่หลงไหลรถ 2 ล้อติดเครื่อง โดยมักหาความรู้ต่างๆจากหนังสือและสื่อต่างประเทศ เริ่มขี่มอเตอร์ไซค์ครั้งแรกด้วยรถ 150cc ก่อนยุคบิ๊กไบค์บูมในไทย ก่อนจะมาใช้รถหลากหลายสไตล์และยี่ห้อ ตั้งแต่ 125-900cc ปัจจุบันเขาหลงไหลรถมอเตอร์ไซค์แนวคลาสสิคเป็นพิเศษ ที่เรียกตัวเองว่า ติ่มซัมเรซเซอร์ เพราะความชื่นชอบรถคาเฟ่เรซเซอร์ แต่ชงเอสเปรสโซ่เองที่บ้าน และขี่พาสก๊อยไปกินติ่มซัมมากกว่า[/vc_column_text][/vc_column_inner][/vc_row_inner][vc_column_text]

พูดคุยกับเราหรือปรึกษาก่อนซื้อ

inbox

LINE[/vc_column_text][stm_post_meta_bottom][/vc_column][/vc_row]

Share this post :

คุยกับเราผ่านทาง SOCIAL MEDIA

Follow Us​