ส่วนหนึ่งของการที่ทำให้เครื่องยนต์สามารถขับเคลื่อนไปได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ นอกจากเรื่องของเทคโนโลยีและวัสดุที่นำมาใช้แล้ว อีกส่วนหนึ่งที่มีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าชิ้นส่วนทุกชิ้นเลย นั่นก็คือเรื่องของการระบายความร้อน ซึ่งเรื่องของการระบายความร้อนมีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าเรื่องของเทคโนโลยีที่นำมาใช้เลย ถึงแม้ในเครื่องยนต์จะมีการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อทำให้เครื่องยนต์สามารถใช้กำลังได้อย่างเต็มประสิทธิภาพก็ตาม แต่ว่าก็ต้องการระบายความร้อนที่ดีด้วยเช่นกัน ถ้าหากเครื่องยนต์สามารถระบายความร้อนได้เต็มที่ก็จะช่วยให้เครื่องยนต์สามารถใช้กำลังและได้แรงม้าอย่างเต็มประสิทธิภาพด้วยเช่นกัน
ระบบระบายความร้อนมี 3 รูปแบบ
ระบบการระบายความร้อนของเครื่องยนต์ก็แบ่งออกเป็น 3 แบบหลักๆ
การระบายความร้อนด้วยอากาศ ซึ่งจะอาศัยการไหลผ่านของอากาศเข้าไปช่วยระบายที่ตัวเสื้อหรือว่าตัวเครื่องยนต์เลย
การระบายความร้อนแบบออยล์คูลเลอร์ (Oil Cooler) หรือระบายความร้อนด้วยจากน้ำมันเครื่อง
การระบายความร้อนด้วยน้ำที่หลายคนคุ้นเคยกันดี และก็ยังเป็นการระบายความร้อนที่ดีที่สุดสำหรับเมืองร้อนแบบเมืองไทย ถ้าจะถามว่าแล้วทราบได้อย่างไรว่ารถแบบไหนมีการระบายความร้อนแบบไหนนั้นก็สามารถสอบถามได้จากร้านตัวแทนจำหน่ายต่างๆ หรือง่ายที่สุดก็สามารถหาข้อมูลกันได้ทั่วไป
ถ้ารถมอเตอร์ไซค์เราจอดอยู่ลองสังเกตบริเวณด้านหน้าของตัวรถว่ามีแผงรังผึ้งอยู่หรือไม่ ถ้ามีแสดงว่าอย่างน้อยรถของเราอาจจะระบายความร้อนด้วยน้ำหรือ Oil Cooler
สำหรับการระบายความร้อนด้วยน้ำนั้นจะมีความพิเศษตรงที่จะมีน้ำยาหรือว่าน้ำหล่อเย็นเข้ามาช่วยในการระบายความร้อนให้ดีขึ้น แล้วถามว่าถ้าจะใช้น้ำเพียงอย่างเดียวได้หรือไม่?
รู้หรือไม่เราสามารถใช้น้ำเปล่าแทนได้แต่...
จริงๆ แล้วสามารถใช้ได้เหมือนกัน แต่ว่าเมื่อใช้น้ำเปล่าเพียงอย่างเดียว ไปนานๆ น้ำที่ทำปฏิกิริยากับวัตถุที่มีความร้อนอยู่ตลอดเวลาและชิ้นส่วนบางชิ้นเองก็ต้องทนอยู่กับความร้อน ตลอดนั้นก็อาจจะมีบ้างที่น้ำกลายเป็นตะกอน รวมถึงบางทีน้ำเปล่าหรือน้ำประปาอาจจะมีตะกอนเล็กๆ ที่มองไม่เห็นทำให้ไปเกาะอยู่ตามทางเดินของน้ำ ทำให้การไหลเวียนของน้ำนั้นทำได้ไม่เต็มที่ อีกทั้งน้ำเปล่าก็มีจุดเดือดที่ไม่มากนัก (น้ำเปล่าที่ใช้ได้คือประเภทน้ำดื่มนะครับ ห้ามใช้น้ำประปา หรือน้ำแร่เข้าสู่ระบบเป็นเด็ดขาด) อ่านบทความเพิ่มมเติมเรื่อง น้ำยาหล่อเย็นกับน้ำเปล่าต่างกันตรงไหนแล้วทำไมถึงต้องใช้น้ำยาหล่อเย็น
ดังนั้นการที่ใช้น้ำหล่อเย็นเข้ามาช่วยก็จะทำให้เพิ่มจุดเดือดให้กับน้ำ ทำให้เครื่องยนต์มีการระบายความร้อนที่ดีขึ้น ซึ่งอุณหภูมิภายในห้องเครื่องเกิดจากการเสียดสีของชิ้นส่วนต่างๆ เมื่อไหร่ที่เครื่องยนต์สตาร์ทก็จะเกิดการเสียดสีทันที ตรงนี้จึงทำให้เกิดความร้อนสะสมอย่างต่อเนื่องได้ครับถึงแม้จะแต่สตาร์ทเอาไว้เฉยๆ ก็สามารถเกิดความร้อนได้เช่นกันครับ
เมื่อมีการระบายความร้อนที่ดีก็จะช่วยลดการสึกหรอให้กับเครื่องยนต์ได้ด้วยเช่นกัน และที่สำคัญป้องกันการเกิดเครื่องยนต์ “โอเวอร์ฮีท” อีกทั้งน้ำหล่อเย็นยังจะช่วยรักษาสภาพความเป็นกรดด่างในหม้อน้ำ ซึ่งจะไม่ทำให้เกิดตะกอนในหม้อน้ำ ช่วยลดปัญหาการอุดตันหรือการเกิดสนิมและป้องกันการกัดกร่อนในระบบหล่อเย็นให้กับเครื่องยนต์ เมื่อเครื่องยนต์ไม่ร้อนเกินไปก็จะช่วยให้เครื่องยนต์มีประสิทธิภาพในการส่งกำลังได้ดียิ่งขึ้น และอย่างน้อยเราควรมีการเปลี่ยนถ่ายน้ำยาหล่อเย็นด้วยเช่นกัน ปกติการเปลี่ยนถ่ายน้ำหล่อเย็นก็จะอยู่ที่ประมาณ 40,000 กิโลเมตร หรืออาจจะเปลี่ยนถ่ายปีละหนึ่งครั้งเป็นอย่างน้อย
นับว่าเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่มองข้ามไม่ได้จริงๆ สำหรับเครื่องยนต์ที่อาศัยการระบายความร้อนด้วยน้ำ ถึงจะมีประสิทธิภาพในการระบายความร้อนได้ดีกว่าระบบการระบายความร้อนในแบบอื่น แต่ก็ต้องมีการดูแลและการเปลี่ยนถ่ายน้ำหล่อเย็นอย่างต่อเนื่อง