เคยสงสัยหรือไม่ว่าทำไมเสื้อการ์ดต้องมีเกราะอ่อน 5 ชิ้น

[vc_row][vc_column][vc_column_text]

ทำไมเสื้อแจ็คเก็ตต้องมีเกราะอ่อน 5 ชิ้น

[/vc_column_text][vc_column_text]หลายคนที่ขี่รถบิ๊กไบค์ออกทริป หรือใช้งานทั่วไปก็แล้วแต่ สิ่งแรกเลยที่ต้องคำนึงถึงก็คือเรื่องของความปลอดภัย ซึ่งความปลอดภัยที่ไม่ใช่เพียงแค่การขับขี่โดยไม่ประมาท แต่ในความปลอดภัยในที่นี้คืออุปกรณ์เซฟตี้ของผู้ขับขี่ ไม่ว่าจะเป็นหมวกกันน็อค ถุงมือ รองเท้า รวมไปถึงเสื้อแจ็คเก็ตที่หลายคนคุ้นกันอยู่ จริงๆแล้วก็มีอีกอย่างหนึ่งนั่นก็คือกางเกงสำหรับไบค์เกอร์ที่มีการ์ดเข่าและสะโพกติดมาให้เรียบร้อย[/vc_column_text][vc_column_text]คราวนี้ลองมาดูกันว่าทำไมเสื้อแจ็คเก็ตต้องมีเกราะอ่อนหรือว่าการ์ด หลายคนที่กำลังเลือกซื้อเสื้อการ์ดเอาไว้ใส่สักตัว คงจะสงสัยกันว่าทำไมเสื้อการ์ด สำหรับใส่ขี่รถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์นั้นต้องมีการ์ดหรือว่าเกราะอ่อนเพียงแค่ 5 จุดเท่านั้น แล้วทั้ง 5 จุดนั้นมีความสำคัญมากน้อยขนาดไหนหากเกิดอุบัติเหตุ[/vc_column_text][vc_column_text]ก่อนที่จะไปพูดถึงการ์ด 5 จุดในเสื้อการ์ดของชาวไบค์เกอร์นั้น ลองมาดูถึงที่มาที่ไปกันก่อนว่าทำไมถึงได้มีเสื้อประเภทนี้เกิดขึ้นมา เสื้อการ์ดนั้นเป็นการก็อปปี้มาจากชุดเรซซิ่งสูตรหรือว่าชุดหนังที่นักแข่งใส่ลงทำการแข่งขันในสนาม ซึ่งในชุดหนังนอกจากจะมีหนังที่ทำหน้าที่เป็นเกราะชั้นแรกให้กับนักแข่งแล้ว ด้านในชุดหนังก็จะมีเกราะอ่อนเสริมเข้ามาอีก ไม่ว่าจะเป็นที่หัวไหล่ ศอก หลัง สะโพก และหัวเข่า แต่เมื่อมีการพัฒนาเรื่องความปลอดภัยขึ้นมาก็จะมีโหนกด้านหลังเสริมขึ้นมา เพื่อป้องกันคอให้กับนักแข่งอีกชั้นหนึ่ง ซึ่งเดี๋ยวนี้ตัวโหนกด้านหลังก็สามารถใช้เป็นที่เก็บน้ำให้กับนักแข่งได้แล้ว รวมไปถึงชุดหนังเดี๋ยวนี้ก็มีแอร์แบ็คให้กับนักแข่งแล้ว เมื่อนักแข่งพลาดล้มตัวแอร์แบ็คจะทำงานทันทีเพื่อป้องกันนักแข่ง เมื่อได้เห็นการพัฒนาการชุดหนังไปแล้ว คราวนี้ลองมาดูเสื้อแจ็คเก็ตกันหน่อยว่าจะมีรูปแบบที่คล้ายกันมากขนาดไหน อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วก็คือเสื้อแจ็คเก็ตมีการดึงเอารูปแบบมาจากชุดเรซซิ่งสูตร แต่ว่าเพื่อให้ผู้ใช้งานนั้นเกิดความคล่องตัวมากที่สุด เสื้อแจ็คเก็ตจึงดึงเอามาเฉพาะท่อนบนมาใช้เท่านั้น จึงได้กลายมาเป็นเสื้อแจ็คเก็ตที่เห็นกันอยู่ในปัจจุบันนี้[/vc_column_text][vc_column_text]CTA สนใจออกรถ[/vc_column_text][vc_column_text]ก่อนที่จะไปพูดถึงการ์ด 5 จุดในเสื้อการ์ดของชาวไบค์เกอร์นั้น ลองมาดูถึงที่มาที่ไปกันก่อนว่าทำไมถึงได้มีเสื้อประเภทนี้เกิดขึ้นมา เสื้อการ์ดนั้นเป็นการก็อปปี้มาจากชุดเรซซิ่งสูตรหรือว่าชุดหนังที่นักแข่งใส่ลงทำการแข่งขันในสนาม ซึ่งในชุดหนังนอกจากจะมีหนังที่ทำหน้าที่เป็นเกราะชั้นแรกให้กับนักแข่งแล้ว ด้านในชุดหนังก็จะมีเกราะอ่อนเสริมเข้ามาอีก ไม่ว่าจะเป็นที่หัวไหล่ ศอก หลัง สะโพก และหัวเข่า แต่เมื่อมีการพัฒนาเรื่องความปลอดภัยขึ้นมาก็จะมีโหนกด้านหลังเสริมขึ้นมา เพื่อป้องกันคอให้กับนักแข่งอีกชั้นหนึ่ง ซึ่งเดี๋ยวนี้ตัวโหนกด้านหลังก็สามารถใช้เป็นที่เก็บน้ำให้กับนักแข่งได้แล้ว รวมไปถึงชุดหนังเดี๋ยวนี้ก็มีแอร์แบ็คให้กับนักแข่งแล้ว เมื่อนักแข่งพลาดล้มตัวแอร์แบ็คจะทำงานทันทีเพื่อป้องกันนักแข่ง เมื่อได้เห็นการพัฒนาการชุดหนังไปแล้ว คราวนี้ลองมาดูเสื้อแจ็คเก็ตกันหน่อยว่าจะมีรูปแบบที่คล้ายกันมาขนาดไหน อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วก็คือเสื้อแจ็คเก็ตมีการดึงเอารูปแบบมาจากชุดเรซซิ่งสูตร แต่ว่าเพื่อให้ผู้ใช้งานนั้นเกิดความคล่องตัวมากที่สุด เสื้อแจ็คเก็ตจึงดึงเอามาเฉพาะท่อนบนมาใช้เท่านั้น จึงได้กลายมาเป็นเสื้อแจ็คเก็ตที่เห็นกันอยู่ในปัจจุบันนี้[/vc_column_text][vc_single_image image=”15797″ img_size=”full” alignment=”center”][vc_column_text]เสื้อการ์ดสำหรับขี่รถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์เดี๋ยวนี้มีผ้าให้เลือกหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นหนังหรือว่าผ้าแบบตาข่ายก็ตาม ด้านในของเสื้อแจ็คเก็ตจะมีเกราะอ่อนอยู่ 5 จุด ซึ่งสามารถถอดออกมาได้ ลักษณะเหมือนฟองน้ำบางๆ โดยจะอยู่ในตำแหน่งที่หัวไหล่ทั้ง 2 ข้าง ข้อศอกทั้ง 2 ข้าง และการ์ดด้านหลังอีก 1 จุด บางรุ่นจะมีโหนกสำหรับกันคอมาให้ด้วย สาเหตุที่ต้องมีเกราะอ่อนทั้ง 5 จุดนั้น ก็เพราะว่าทั้ง 5 จุดที่มีเกราะอ่อนอยู่นั้น จะเป็นตำแหน่งข้อต่อของร่างกาย เมื่อเกิดอุบัติเหตุจะเป็นจุดที่เกิดการกระแทกและหักมากที่สุด จุดข้อต่อถือว่าเป็นตำแหน่งที่สำคัญของร่างกาย หากเกิดหลุดหรือว่าหักการรักษาจะค่อนข้างยากกว่าตำแหน่งอื่นๆ อย่างเช่นหากถูกกระแทกถ้าแค่เบาะๆก็อาจจะถลอกและทำให้ถึงกับเป็นไข้เลยทีเดียว และถ้าหากเป็นหลังด้วยแล้วถือว่าเป็นจุดสำคัญ เพราะเป็นศูนย์รวมของเส้นประสาททั้งหมดทำให้จำเป็นต้องมีเกราะอ่อนมากที่สุด บางคนถึงกับต้องใส่การ์ดที่เป็นกระดูกงูเอาไว้อีกชั้นหนึ่ง เพราะว่าหากเกิดการแทกแบบแรงๆก็อาจจะทำให้เกิดอัมพฤกษ์หรืออัมพาตได้เลยทีเดียว ดังนั้นจึงเป็นสาเหตุให้เสื้อแจ็คเก็ตต้องมีเกราะอ่อนมาให้ แต่จะทำให้เป็นเกราะอ่อนทั้งตัวเลยก็คงจะไม่สะดวกกับการสวมใส่นัก เดี๋ยวนี้เสื้อแจ็คเก็ตก็มีพัฒนาการที่ใกล้เคียงกับชุดหนังทีเดียว[/vc_column_text][vc_single_image image=”15799″ img_size=”full” alignment=”center”][vc_column_text]เดี๋ยวนี้ถึงขนาดกับมีแจ็คเก็ตที่เป็นแบบแอร์แบ็คแล้วก็มี แต่ยังไม่ค่อยได้รับความนิยมมากสักเท่าไหร่และมีราคาที่ค่อนข้างแพงทีเดียว จะเห็นได้ว่าเสื้อแจ็คเก็ตจะเป็นตัวช่วยซับแรงกระแทกให้กับร่างกายได้มากที่สุด และเป็นตัวที่ช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบาได้มาก ในขณะเดียวกันตัวเกราะอ่อนก็มีอายุการใช้งานเช่นเดียวกัน โดยประมาณแล้วเสื้อแจ็คเก็ตก็มีอายุใช้งานอยู่ประมาณ 2-3 ปี ถ้านานกว่านี้ตัวเกราะอ่อนจะเริ่มแตกลายงาและไม่สามารถซับแรงกระแทกอะไรได้แล้ว ถึงแม้ผ้าจะยังมีคุณภาพดีอยู่ก็ตาม บางรุ่นก็อาจจะเกราะอ่อนจำหน่ายเป็นอะไหล่ต่างหาก แต่ส่วนมากแล้วก็จะไม่ค่อยมีอะไหล่ทดแทน แต่ถ้าจะเปลี่ยนจริงๆก็ควรซื้อตัวใหม่ไปเลยดีกว่า เพราะว่าเนื้อผ้าเองก็จะมีเส้นใยที่เหนียวอยู่บวกกับตัวเกราะอ่อนเองที่มีความยืดหยุ่นดีกว่าก็จะช่วยซับแรงกระแทกได้ดีกว่าด้วย[/vc_column_text][vc_column_text]เดี๋ยวนี้เสื้อการ์ดมีหลากหลายรูปแบบและหลายราคามาให้เลือกใช้กัน และราคาก็ไม่แพงมากนักคุณภาพก็ใช้ได้ดีทีเดียว เสื้อแจ็คเก็ตจึงกลายมาเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ความปลอดภัยที่ชาวไบค์เกอร์ควรมีเลือกไว้ใส่เวลาเดินทางออกทริป ไม่เฉพาะแค่คนขี่เท่านั้นคนซ้อนเองก็เช่นกันควรที่จะใส่เสื้อแจ็คเก็ตเอาไว้ด้วยเหมือนกัน การลงทุนกับอุปกรณ์ป้องกันชีวิตนั้นเชื่อว่ามีความคุ้มค่ามากที่สุด รถที่มีกำลังสูงๆ ก็จะทำให้เกิดแรง G มาก และเกิดแรงกระแทกแรงมากด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการล้มแบบไหนก็ไม่มีใครอยากจะให้เกิด แต่อุบัติเหตุนั้นเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่มีใครสามารถคาดเดาได้เลย ดังนั้นการป้องกันร่างกายจึงเป็นหนทางที่ดีที่สุด ทรัพย์สินเสียหายไม่เป็นไรสร้างใหม่ได้ แต่ร่างกายถ้าเสียแล้วเสียเลยหาอะไหล่มาใส่แทนไม่ได้[/vc_column_text][vc_column_text]CTA สนใจออกรถ[/vc_column_text][vc_column_text]

ติดต่อสอบถามหรือพูดคุยกับเรา

inbox

LINE[/vc_column_text][/vc_column][/vc_row]

Share this post :

คุยกับเราผ่านทาง SOCIAL MEDIA

Follow Us​