[vc_row][vc_column][vc_column_text]
มารู้จัก มาตรฐาน Euro มันคืออะไรกันแน่
[/vc_column_text][vc_column_text][toc][/vc_column_text][vc_column_text]มาตรฐาน Euro คืออะไร ก็ต้องบอกว่าช่วงปีหลังนั้นประเทศไทยค่อนข้างประสบปัญหากับเรื่องของมลพิษพอสมควร โดยเฉพาะเรื่องของมลพิษทางฝุ่นละอองขนาดเล็กหรือ PM2.5 ที่มีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตในปัจจุบันของคนไทยโดยตรง ซึ่งเรื่องนี้ในส่วนของผู้ที่รับผิดชอบเอง โดยเฉพาะรัฐบาลได้พยายามแก้ไขปัญหาในส่วนต่างๆ เพื่อควบคุมมลพิษไม่ให้เกินค่ามาตรฐาน แต่นั้นเป็นเพียงส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งที่ควรจะต้องมีส่วนรับผิดชอบตามไปด้วยก็คือประชาชนทั่วไปที่จะต้องเข้ามามีส่วนร่วมในการปรับปรุงสิ่งแวดล้อมให้มีความสะอาดมากขึ้น อีกส่วนหนึ่งก็คือเรื่องของผู้ใช้รถที่จะต้องมีการตรวจเช็คดูแลรักษาเครื่องยนต์ให้เครื่องยนต์มีระบบการเผาไหม้ที่สมบูรณ์อยู่เสมอ[/vc_column_text][vc_single_image image=”14536″ img_size=”full”][vc_column_text]การเลือกใช้น้ำมันเครื่องหรือว่าน้ำมันที่มีความสะอาดหรือว่าให้เหมาะสมกับเครื่องยนต์ สิ่งเหล่านี้มีผลต่อปัจจัยการลดของมลพิษที่ถูกปล่อยออกมาในอากาศ เพราะในทุกๆ ปีจะเห็นได้ว่าจะมีการกำหนดค่ามาตรฐานไอเสียขึ้นเรื่อยๆ การกำหนดค่ามาตรฐานไอเสียที่มีการปล่อยออกมาจากเครื่องยนต์ เป็นอีกส่วนหนึ่งที่จะช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมให้มีความสะอาดมากขึ้นตามไปด้วยนั้นเอง มาตรฐานยูโร จะช่วยลดมลภาวะ[/vc_column_text][vc_column_text]
ทำความรู้จักมาตรฐาน Euro
ดังนั้นลองมาทำความรู้จักกับ Euro กันสักหน่อยว่ามันคืออะไร คำว่า Euro นั้นมีคำย่อมาจาก (EUROPEAN EMISSION STANDARDS) เป็นการควบคุมมลพิษจากสหภาพในยุโรปที่ได้มีการวางมาตรการในการควบคุมมลพิษตั้งแต่ปี ค.ศ.1992 หรือตั้งแต่ปี พ.ศ.2535 โดยได้มีการกำหนดมาตรฐาน Euro1 เป็นต้นมา ซึ่งได้มีการควบคุมยานพาหนะที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงให้มีการเผาไหม้ไม่ให้เกินค่ามาตรฐานที่กำหนด ทำให้ผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ทั่วโลกได้มีการพัฒนาเครื่องยนต์ให้ปล่อยมลพิษออกมาน้อยที่สุด รวมไปถึงค่ามาตรฐานเสียงที่ออกมาจากปลายท่อด้วย[/vc_column_text][vc_single_image image=”14538″ img_size=”full”][vc_column_text]มีการแบ่งออกเป็นประเภท และขนาดของเครื่องยนต์ จนมีการพัฒนาเครื่องยนต์มาอย่างต่อเนื่อง โดยพื้นฐานได้มีการวัดจาก คาร์บอนมอนนอกไซด์(CO), สารไฮโดรคาร์บอน(HC), สารไนโตรเจนออกไซด์(NOx), สารมลพิษอนุภาคและฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM) เป็นต้น จนในปัจจุบันได้มีการบังคับใช้ถึง Euro 6 กันแล้ว สำหรับประเทศไทยได้มีการกำหนดค่ามาตรฐานไอเสียเครื่องยนต์เบนซินเอาไว้ที่มาตรฐาน Euro 4 มีการบังคับใช้มาตั้งแต่ปี 2556 เป็นต้นมา โดยมีค่ามาตรฐานคาร์บอนมอนออกไซด์ต้องไม่เกิน 0.5กรัม/กม., ไนโตรออกไซด์ต้องไม่เกิน 0.25 กรัม/กม., ไฮโดรคาร์บอนและอนุพันธ์ไนโตรออกไซด์ต้องไม่เกิน 0.3 กรัม/กม. รวมถึง อนุภาคฝุ่นที่มีขนาด 10 ไมครอน ต้องไม่เกิน 0.025 กรัม/กม. เป็นต้น[/vc_column_text][vc_column_text]
ปี 63 มาพร้อมกับ Euro5
แต่สำหรับในปี 2563 นั้นจะมีการขยับขึ้นไปบังคับใช้เป็น Euro 5 มีผลต่อผู้ใช้รถจักรยานยนต์อย่างแน่นอน มาตรฐานของ Euro 5 ได้มีการกำหนดค่าไอเสียเพิ่มเติมเข้ามาไม่ว่าจะเป็น Non-Methane Hydrocarb หรือ NMHC รถมอเตอร์ไซค์จะต้องปล่อยค่ามาตรฐานไอเสียออกมาไม่เกิน 0.1 กรัม/กม. รวมถึง NMHC ก็จะต้องไม่เกิน 0.068 กรัม/กม. การกำหนดค่ามาตรฐานไอเสียหรือ Euro ที่สูงขึ้น นั้นผู้ใช้ได้รับผลประโยชน์ไปเต็มๆ เพราะจะได้เห็นเทคโนโลยีของเครื่องยนต์ในรูปแบบใหม่ๆ รวมไปถึงสมรรถนะเครื่องยนต์ที่สามารถตอบโจทย์การใช้งานได้มากขึ้น[/vc_column_text][vc_single_image image=”14540″ img_size=”full”][vc_column_text]
ทุกการเปลี่ยนแปลงย่อมมีผลกระทบ
แน่นอนว่าสำหรับการเปลี่ยนแปลงค่าของมาตรฐานจาก Euro 4 มาเป็น Euro 5 นั้นมีผลกระทบต่อผู้ใช้รถจักรยานยนต์อย่างแน่นอน โดยเฉพาะในเรื่องของสิ่งแวดล้อมที่มีผลกระทบต่อสุขภาพอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อย่างแรกเลยก็คือค่ามาตรฐานไอเสียที่ถูกปล่อยออกมานั้นจะมีค่าไอเสียน้อยลง ยิ่งมีค่า Euro สูงมากเท่าไหร่ นั้นแปลว่าค่าไอเสียที่ถูกปล่อยออกมาก็จะน้อยลงมากเท่านั้น จะช่วยลดมลพิษภายในอากาศได้มาก รวมถึงเรื่องของค่ายผู้ผลิตที่จะต้องมีการพัฒนาเครื่องยนต์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เครื่องยนต์ประหยัดน้ำมันมากขึ้น โดยเฉพาะระบบการเผาไหม้ภายในห้องเครื่องจะต้องมีการออกแบบให้เครื่องยนต์มีการเผาไหม้ที่สมบูรณ์มากขึ้น
[/vc_column_text][vc_single_image image=”14543″ img_size=”full” alignment=”center”][vc_column_text]
ภาพจาก https://sites.google.com/site/thrrmchatikhxngrea/
[/vc_column_text][vc_column_text]ไม่ว่าจะเป็นการทำงานในรอบเครื่องยนต์ที่ต่ำหรือว่าการทำงานในรอบเครื่องยนต์ที่สูงก็ตาม ซึ่งแน่นอนว่าผู้ผลิตจำเป็นที่จะต้องเพิ่มเติมในส่วนของเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามา เพื่อให้เครื่องยนต์มีสมรรถนะการขับขี่ที่ดีและยังต้องช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมไปพร้อมๆ กัน รวมไปถึงฟังก์ชั่นการใช้งานต่างๆ ที่จะต้องมีการจัดใส่มาให้กับตัวรถ เพื่อให้รถมีสมรรถนะในเรื่องความปลอดภัยมากขึ้นตามไปด้วย[/vc_column_text][vc_single_image image=”14546″ img_size=”full” alignment=”center”][vc_column_text]อีกหนึ่งอย่างที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอนก็คืออาจจะมีบางรุ่นที่ไม่ผ่านมาตรฐาน Euro 5 นั้นก็อาจจะต้องหยุดการผลิตหรือว่ายกเลิกการผลิตไปเลยก็มี แต่นั้นก็อาจจะทำให้ได้เห็นรถรุ่นเดิมที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ๆที่ขี่สนุกมากขึ้น รวมไปถึงมีเทคโนโลยีที่รองรับกับค่ามาตรฐาน Euro ได้ดีมาขึ้นตามไปด้วย ไม่เพียงแค่การพัฒนาเครื่องยนต์เท่านั้น สิ่งที่ต้องพัฒนาตามมาด้วยก็คือเรื่องของน้ำมันที่จะต้องมีการพัฒนาและปรับเปลี่ยนให้มีความเหมาะสมกับการเผาไหม้ของเครื่องยนต์ด้วย[/vc_column_text][vc_message message_box_style=”solid-icon” message_box_color=”green”]สุดท้ายนี้ ถ้าเรามองว่า Euro 5 มันคือปัญหา มันก็จะเป็นปัญหา แต่อยากให้ลองมองถึงข้อดีของ มาตรฐาน Euro 5 สภาพอากาศดีขึ้น ควันน้อยลง โอกาสที่ผู้ขี่มอเตอร์ไซค์เสี่ยงเป็นมะเร็งปอดก็ลดลง บสุขภาพทางร่างกายดีขึ้น หายใจได้สะดวกมากยิ่งขึ้น บางครั้งเราอาจจะต้องยอมแลกบางอย่างเพื่อสิ่งที่ดีกว่าและได้กลับมามากกว่า[/vc_message][vc_column_text]