โซ่ O-Ring, X-Ring หรือ Z-Ring ต่างกันอย่างไร

[vc_row][vc_column][vc_column_text]

โซ่ O-Ring, X-Ring หรือ Z-Ring ต่างกันอย่างไรบ้าง

[/vc_column_text][vc_column_text]สวัสดีครับพี่น้องชาว Kawasaki ทุกท่านช่วงนี้หลายๆ ท่านน่าจะไม่ได้ออกไปไหนกัน ต้องอยู่แต่บ้านค่อนข้างน่าเบื่อใช่ไหมล่ะครับ ผมจึงนำบทความดีๆ มามอบให้กับทุกท่านเราจะมาพูดถึงเรื่องโซ่กัน แต่ไม่ใช่การล้างโซ่นะครับ แต่เป็นความแตกต่างระหว่าง โซ่ O-Ring, X-Ring หรือ Z-Ring ต่างกันอย่างไร ในมอเตอร์ไซค์มีหลายอย่างที่มีส่วนที่เกี่ยวข้องกับการขับเคลื่อน ส่วนที่อยู่นอกเครื่องยนต์นั้นก็จะเป็นส่วนชุดขับเคลื่อนด้วยโซ่และสเตอร์ จะมีหน้าที่หลักคือการส่งกำลัง และเมื่อโซ่ถูกใช้งานอย่างหนักและบางคันอาจจะถูกใช้งานอย่างต่อเนื่อง ก็เป็นธรรมดาที่จะมีการสึกกร่อนไปตามอายุการใช้งาน แต่เรื่องของการสึกกร่อนนั้นไม่ใช่เพียงแค่การใช้งานเพียงอย่างเดียว ยังมีปัจจัยอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสภาพอากาศ หรือว่าฝุ่นละอองที่เข้าไปอยู่ส่วนต่างๆ ของข้อต่อ ที่มีส่วนทำให้โซ่เสื่อมสภาพ[/vc_column_text][vc_single_image image=”15780″ img_size=”full”][vc_column_text]ดังนั้นโซ่จะมีอายุการใช้งานสั้นหรือยาวขึ้นอยู่กับการใช้งานและการดูแลรักษา (อ่านบทความ การทำความสะอาดโซ่) แต่เมื่อถึงอายุที่ต้องเปลี่ยนก็ควรที่จะต้องเปลี่ยน อายุการใช้งานของโซ่ถ้ายืนพื้นก็จะอยู่ราวๆ 20,000 กิโลเมตร และการเปลี่ยนก็ควรจะเปลี่ยนไปพร้อมกับสเตอร์ด้วยไปในคราวเดียวกัน เนื่องจากในรถบิ๊กไบค์มีทั้งกำลังและแรงบิดรวมถึงแรงม้าที่มีมาก ถ้าฝืนขี่ต่อไปก็อาจจะต้องไปนั่งกินข้าวลิงอยู่ข้างทางได้เหมือนกัน[/vc_column_text][vc_column_text]CTA สนใจออกรถ[/vc_column_text][vc_column_text]การเลือกใช้โซ่หลายคนอาจจะได้รับข้อมูลมาจากหลายๆ ที่มาเป็นส่วนประกอบและที่ดูเหมือนว่าจะได้รับความสนใจมากเป็นพิเศษเลยก็คือเรื่องของคำถามที่ว่าควรจะเลือกใช้โซ่แบบเดิมหรือว่าเลือกโซ่แบบ O-Ring หรืออีกหนึ่งทางเลือกก็คือ X-Ring กันดี ก่อนที่จะเลือกใช้โซ่ ลองมาดูกันหน่อยว่าโซ่แต่ละแบบนั้นมีการออกแบบมาอย่างไร และมีผลดีผลเสียอย่างไรกัน

อันดับแรกมาดูโซ่เดิมกันสักหน่อย ที่เรียกว่าโซ่เดิมเพราะว่าเป็นโซ่เดิมติดมาจากโรงงาน ซึ่งโซ่เดิมเป็นข้อต่อจะมีการเสียดสีกันอยู่ตลอด เวลาวิ่งอาจจะมีเสียงดัง รวมถึงความร้อนสะสมที่ตัวข้อต่อ ทำให้ต้องคอยดูแลรักษาอยู่บ่อยๆ แต่จะเกิดแรงเสียดทานน้อยที่สุดในบันดาโซ่ แค่อาจจะทำความสะอาดบ่อยหน่อยหรือเพิ่มการหล่อลื่นด้วยวิธีการหยอดน้ำมัน หรือว่าต้องทำความสะอาดด้วยผงซักฟอกแล้วใช้แปรงสีฟันขัดทำความสะอาด เพื่อขัดเอาเศษฝุ่นออก แบบนี้เป็นการทำความสะอาดแบบดั้งเดิม หรือสะดวกที่สุดก็ใช้น้ำยาที่มีขายตามท้องตลาดทำความสะอาดฉีดให้ทั่วโซ่ โซ่เดิมติดรถจะมีราคาไม่แพง ถ้าดูแลรักษาอย่างทั่วถึงโซ่ก็จะมีอายุที่ยาวนานได้เหมือนกัน[/vc_column_text][vc_single_image image=”15789″ img_size=”full”][vc_column_text]คราวนี้ลองมาดูโซ่ที่ถูกพูดถึงกันมากที่สุดก็คือโซ่แบบ O-Ring โซ่ประเภทนี้มักจะได้รับความสนใจมากที่สุด เพราะเป็นโซ่ที่ได้มีตัวยางเชื่อมอยู่ที่ข้อต่อช่วยซับเสียงได้มาก และเป็นโซ่ที่ช่วยลดความร้อนให้กับตัวข้อต่อโซ่ รวมถึงช่วยป้องกันฝุ่นที่จะเข้าไปตามข้อต่อของโซ่ได้อีกด้วย โซ่แบบนี้ไม่จำเป็นต้องหยอดน้ำมันบ่อย แต่ก็มีข้อควรระวังอยู่เหมือนกัน ก็คือเรื่องการใช้น้ำยาทำความสะอาด ด้วยที่ตัว O-Ring นั้นเป็นยาง เมื่อถูกน้ำยาก็อาจจะทำให้ตัว O-Ring นั้นเสื่อมสภาพได้เร็วกว่าปกติได้เช่นกัน สุดท้ายแล้วการใช้ผงซักฟอกก็น่าจะมีความเหมาะสมที่สุด แต่จะเสียเวลาในการทำความสะอาดมากหน่อย และโซ่แบบ O-Ring ก็จะมีราคาสูงกว่าโซ่แบบแรก[/vc_column_text][vc_column_text]โซ่ Oring กับ XRing

รูปภาพ : http://bigbikelover.com/

[/vc_column_text][vc_column_text]มาถึงโซ่แบบ X-Ring กับ Z-Ring กันหน่อย หรือจะมีโซ่แบบอื่นที่ผลิตขึ้นมาอีกมากมาย ก็แล้วแต่ว่าจะมีการผลิตแต่ก็จะเรียกไปตามประเภทของ Ring ที่ถูกใส่เข้ามาที่ตัวข้อต่อโซ่รวมถึงแบบของตัว Ring เองก็จะมีลักษณะของการดักน้ำมันให้หล่อลื่นได้ยาวนานขึ้น    ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ได้มีการคิดค้นขึ้นมาเพื่อช่วยลดการเสียดทานให้น้อยลงนั้นเอง แต่วิธีการดูแลรักษานั้นก็จะมีคล้ายกับตัวโซ่แบบ O-Ring แต่ก็ให้ระวังในการใช้น้ำยาทำความสะอาดหรือว่าน้ำหล่อลื่นโซ่ เพราะอาจจะทำให้ Ring เกิดความเสียหายได้ ดังนั้นเพื่อให้ Ring มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน การฉีดก็ควรฉีดห่างๆ เพียงแค่ให้ละอองค่อยๆซึมเข้าไปเท่านั้น ไม่ควรฉีดใกล้ๆ[/vc_column_text][vc_column_text]ก็เป็นประเภทของโซ่ที่มีการขายอยู่ในท้องตลาด ซึ่งก็จะมีขนาดของโซ่เข้ามาเป็นปัจจัยในการเลือกใช้งานด้วย ทางที่ดีแล้วก็เลือกใช้ขนาดของโซ่ตามสเป็คเดิมที่มาจากโรงงาน แค่อาจจะเลือกเอาว่าจะใช้โซ่แบบที่เป็นของเดิม หรือแบบที่มี Ring เท่านั้นเอง ถ้าเลือกใช้โซ่แบบที่มี Ring ก็จะมีราคาที่สูงกว่าโซ่แบบธรรมดา ส่วนอายุการใช้งานของโซ่นั้นก็อาจจะอยู่ที่ประมาณ 20,000 กิโลเมตร แต่ถ้าหากมีการดูแลรักษาอย่างต่อเนื่อง โซ่จะมีอายุการใช้งานที่ยาวกว่านี้ก็ได้ แน่นอนว่าจะช่วยในเรื่องของค่าใช้จ่ายได้มากทีเดียว เพราะโซ่ชุดหนึ่งที่รวมสเตอร์ไปด้วยราคาก็ไม่ธรรมดาทีเดียว แต่อาจจะใช้วิธีการเปลี่ยนสเตอร์หลังพร้อมโซ่ในครั้งแรก แล้วครั้งต่อไปค่อยเปลี่ยนสเตอร์หน้าไปพร้อมกับชุดโซ่และสเตอร์หลัง ก็จะช่วยลดค่าใช้จ่ายไปได้อีก และอีกเหตุผลหนึ่งก็คือลักษณะของการขับขี่ที่ไม่กระชากหรือว่าเชนจ์เกียร์บ่อยๆ รวมทั้งไม่บรรทุกของหนักๆเกินความจำเป็น เพียงเท่านี้ก็จะช่วยยืดอายุการใช้งานของโซ่ให้ยาวนานมากขึ้น[/vc_column_text][vc_column_text]CTA สนใจออกรถ[/vc_column_text][vc_column_text]

ติดต่อสอบถามหรือพูดคุยกับเรา

inbox

LINE[/vc_column_text][/vc_column][/vc_row]

Share this post :

คุยกับเราผ่านทาง SOCIAL MEDIA

Follow Us​