เรื่องของกระจกมองข้าง หลายๆ คนมักจะมองข้าม
ในหลายๆ ชิ้นส่วนของรถมอเตอร์ไซค์มีความจำเป็นอย่างมากที่จะต้องปรับให้มีความเหมาะสมกับผู้ขับขี่ ที่แต่ละคนก็มีรูปร่างหรือว่าสัดส่วนที่ไม่เหมือนกันอยู่แล้ว ถึงแม้บางคนจะมีสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน แต่ความถนัดในการใช้งานเองก็ยังมีความแตกต่างกันอยู่ดี แต่ในบางสิ่งบางอย่างนั้นจะใช้ความถนัดเพียงอย่างเดียงคงไม่ได้ เพราะจะกลายเป็นอันตรายต่อการขับขี่
ดังนั้น บางอย่างอาจจะต้องมองข้ามเรื่องของความถนัดไปก่อน และให้มาเน้นที่เรื่องของความปลอดภัยเป็นหลัก ในรถมอเตอร์ไซค์แน่นอนอยู่แล้วว่าผู้ผลิตก็ได้มีการออกแบบมาตามคอนเซ็ปต์หรือว่าตามลักษณะของตัวรถอยู่แล้ว ผู้ขับขี่หรือว่าเจ้าของเองก็อาจจะต้องการปรับตัวเข้าหารถให้เร็วที่สุด ซึ่งส่วนใหญ่แล้วถ้าได้ขี่หรือสัมผัสอยู่ทุกวันก็จะค่อยๆ มีความคุ้นเคยกับตัวรถไปได้เรื่อยๆ จนในที่สุดก็จะกลายเป็นความเคยชินและสามารถควบคุมรถได้อย่างปลอดภัย
นอกเหนือจากตัวรถหรือว่าท่านั่งของรถที่จะต้องปรับให้มีความคุ้นเคยมากที่สุดแล้ว สิ่งหนึ่งที่มีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าการขับขี่รถเลยนั่นก็คือ เรื่องของการปรับกระจกมองข้าง แน่นอนอยู่แล้วว่ากระจกมองข้างเป็นอุปกรณ์ควบของตัวรถ ที่รถทุกคันจะต้องมี เพราะเกี่ยวข้องกับความปลอดภัย ถ้าหากรถคันไหนที่ไม่มีกระจกมองข้างก็จะถูกตำรวจจับได้
เชื่อว่าผู้ขับขี่หลายๆ คนก็อาจจะมีประสบการณ์ตรงนี้มาบ้างกันแล้ว เอาล่ะครับ…นั่นก็เป็นสิ่งที่เอามาเล่ากันปากต่อปากกันมากกว่า แต่สิ่งที่กำลังจะเอามาพูดกันในตอนนี้ก็คือ เรื่องของการปรับกระจกมองข้าง อาจจะมองดูเป็นเรื่องเล็กๆ และไม่ค่อยสำคัญ แต่เชื่อไหมว่ากระจกมองข้างนั้นช่วยให้หลายคนนั้นรอดพ้นจากการเกิดอุบัติเหตุกันมานักต่อนักแล้ว คราวนี้ลองมาดูกันว่าการปรับกระจกมองข้างนั้น ควรจะอยู่ในตำแหน่งไหนดี เพื่อให้เกิดความปลอดภัยและสะดวกต่อการใช้งานมากที่สุด
ไม่ว่าจะเป็นรถแบบไหนก็ตามถ้าเป็นกระจกที่มาจากโรงงานแล้วจะสามารถปรับระยะได้ทั้งหมด อันดับแรกเลยสำหรับการปรับกระจกควรจะปรับตำแหน่งของตัวก้านก่อน บางรุ่นก้านอาจจะปรับไม่ได้นะครับ แต่ว่าที่ตัวกระจกนั้นปรับได้อย่างแน่นอน ดังนั้น สิ่งที่ทำอย่างแรกเลยเมื่อคร่อมรถไปแล้วให้ลองมองไปที่กระจกก่อนเลย แล้วให้สังเกตุถึงตำแหน่งของกระจก
ในการหาตำแหน่งให้กับตัวเองนั้น ไม่ว่าจะเป็นคนสูงหรือรูปร่างเล็ก สามารถใช้ทฤษฎีนี้ได้เลย การปรับกระจกจะต้องปรับให้ ตัวกระจกมองผ่านช่วงท่อนแขน โดยการมองผ่านกระจกจะต้องมองเห็นท่อนแขนของตัวเองเพียงแค่ 1 ส่วน 4 เท่านั้น ไม่ควรมองเห็นท่อนแขนตัวเองมากจนเกินไป เพราะจะทำมุมการมองกระจกที่จะเห็นรถคันที่ตามมานั้นน้อยลงไปอีก
ง่ายๆ ก็คือมุมกระจกด้านในจัดให้เป็นพื้นที่ของแขนเพียงอย่างเดียว โดยให้ศอกอยู่เกือบกึ่งกลางของตัวกระจกระหว่างด้านบนกับด้านล่าง ส่วนที่เหลือของกระจกก็จัดให้เป็นพื้นที่ของทัศนวิสัยด้านข้างของตัวรถ เพราะจะเป็นการเปิดมุมมองด้านข้างออกไปให้ได้มากที่สุด จะทำให้มีโอกาสเห็นรถที่มาจากทางด้านหลังมากขึ้น ทำให้เกิดความปลอดภัยตามไปด้วย ในตำแหน่งนี้จะเห็นพื้นถนนมากที่สุด ซึ่งเป็นระนาบเดียวกับที่รถวิ่งมา การปรับกระจกในระนาบนี้ยังเป็นตำแหน่งที่ผู้ขับขี่สามารถมองด้วยวิธีการเหลือบตามไปเท่านั้น ก็สามารถสังเกตหรือมองกระจกได้อย่างถนัด จะเป็นการลดความเสี่ยงในการหันหน้าของผู้ขับขี่ไปได้มาก
ในการปรับกระจกลักษณะนี้สามารถใช้ได้กับรถมอเตอร์ไซค์ทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นรถสปอร์ตหรือว่าเน็กเก็ตรวมไปถึงรถจักรยานยนต์ขนาดเล็กก็ตามสามารถปรับตั้งกระจกตามลักษณะนี้ได้เลย รวมถึงลักษณะของตัวผู้ขับขี่เองก็สามารถใช้หลักการนี้ได้เช่นกัน ยกเว้นกระจกปลายแฮนด์ที่เป็นกระจกแต่งจะไม่สามารถปรับการมองแบบนี้ได้ ก็ต้องบอกว่าสิ่งเล็กๆ แบบนี้มองข้ามไม่ได้เลย
ถึงแม้จะปรับกระจกให้อยู่ในตำแหน่งที่สามารถมีวิสัยทัศน์ที่ดีขึ้นแล้วก็ยังมีมุมอับอยู่ดี ซึ่งตรงนี้ก็อาจจะต้องใช้ความระมัดระวังให้มากขึ้น โดยเฉพาะการใช้ไฟเลี้ยวเข้ามาช่วยบอกคันข้างหลังให้ได้เห็นการเคลื่อนไหวของคันหน้าอยู่ตลอดเวลา ซึ่งจะปลอดภัยทั้งคันที่นำและคันที่ตามมาด้านหลัง ยิ่งสมัยนี้จำนวนรถบนท้องถนนก็มีมากขึ้น ผู้ขับขี่ก็ต้องใช้ความระมัดระวังมากขึ้นด้วยเช่นกัน
ดังนั้นอย่าถอดกระจกมองข้ามออกเลยครับ เพราะการมีไว้จะช่วยให้การขับขี่ปลอดภัยมากขึ้นจริงๆ ยกเว้นรถแข่งในสนาม ตรงนั้นถ้าใครติดกระจกมองข้างก็จะไม่ผ่านการตรวจสภาพและไม่สามารถลงทำการแข่งขันได้ การใช้รถบนท้องถนนยิ่งได้เห็นหรือรับทราบความเคลื่อนไหวของรถคันอื่นมากขึ้นเท่าไหร่ก็ยิ่งปลอดภัยมากขึ้นเท่านั้น